หลังจากงานประชุม G7 ที่ผ่านไปไม่นาน ก็มีงานเทศกาลเกี๊ยวซ่าที่หอประชุมนานาชาติของเมืองเซนได พวกเราได้ตามรอยกลิ่นที่แสนหอมของน้ำมันงาและกลิ่นข้าวที่ปนฟุ้งมากับอากาศ
ในปีนี้กลุ่ม G10 หรือสมาคมเกี๊ยวซ่าได้มาจัดงานท ณ เมืองเซนได
มีคนจำนวนมากถึง 30,000 คน ผู้ร่วมงานในครั้งนี้ ก็คงจะทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้นอกจากกิน กินและกิน เพราะว่ามีร้านค้าจำนวนมากทยอยทอดเกี๊ยวซ่าสดๆให้ผู้ชมงานได้ชิมกัน อีกทั้งยังมีเกี๊ยวซ่าชนิดอื่นๆจากทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่นมาให้ได้รับชมกันอีกด้วย
ยังมีราเมงอีกด้วยนะ
โดยปกติแล้ว เกี๊ยวซ่านั้นถือเป็นเมนูรองที่ต้องสั่งมากินคู่กับราเมง แต่ในวันนี้เกี๊ยวซ่าถือเป็นจานหลักอย่างเห็นได้ชัด ใครๆก็ชอบเกี๊ยวซ่า ยิ่งกินคู่กับเบียร์สดๆแล้วยิ่งอร่อยขึ้นไปอีก
เกี๊ยวซ่าของเมืองเซนได
เกี๊ยวซ่าของเมืองเซนไดจะมีเอกลักษณ์อยู่ที่แป้งที่เป็นสีเขียว มีชื่อเรียกว่า ยูกินะเกี๊ยวซ่า ซึ่งจะมีสีที่ต่างจากเกี๊ยวซ่าทั่วไป นอกจากนี้แล้วรสชาติยังไม่เหมือนอีกด้วย เพราะว่ามีส่วนผสมของผักที่ปลูกในเซนได ถึงแม้ว่าจะมีเกี๊ยวซ่าอยู่หลายสำนักในญี่ปุ่น ร้านเกี๊ยวซ่าในเซนไดก็ได้เพิ่มจำนวนขึ้นเช่นกันตั้งแต่ปี 2012
เกี๊ยวซ่าของเมืองฟุกุชิมะ
ลักษณะเด่นของเกี๊ยวซ่าฟุกุชิมะคือ จะมีขั้นตอนการทอดที่แปลกออกไป โดยเกี๊ยวซ่าจะถูกย่างบนกระทะขนาดยักษ์ เกี๊ยวซ่าชนิดนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า เกี๊ยวซ่าจานร่อน
กระทะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 120 เซนติเมตร สามารถทอดเกี๊ยวซ่า 650 ชิ้นได้ในครั้งเดียว ใหญ่ถึงขนาดที่ต้องใช้คน 4 คนมาช่วยกันยกกันเลยทีเดียว
สรุป
ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือพยายามที่จะปรับเปลี่ยนอาหารในรูปแบบเดิมๆให้ต่างออกไป เพียงแค่นำความคิดสร้างสรรค์ที่มีมาแต่งเติมให้กับอาหารที่ดูธรรมดา จนกลายเป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดา อย่างเช่น เกี๊ยวซ่าที่ได้เห็นกันในวันนี้ ครั้งหน้าพวกเราพยายามเสาะหาเทศกาลอื่นๆในภูมิภาคนี้ให้ท่านได้มารับชมกันอีกเช่นเคย