CATEGORY วัฒนธรรม(Culture)

วัฒนธรรม(Culture)

สถานที่ท่องเที่ยวในเซ็นไดที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้ย้อนยุค!

ในช่วงต้นฤดูร้อนของเซ็นได สายลมอ่อนพัดผ่านจากพุ่มไม้และต้นไม้ต่าง ๆ ฤดูร้อนเป็นฤดูที่ทำให้เซ็นไดเป็นเมืองที่เหมาะกับชื่อ “เมืองแห่งต้นไม้” ในต้นฤดูร้อนเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการพักผ่อนและการท่องเที่ยวในเมืองเซ็นได ในช่วงเวลานี้ผมขอนำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวสามแห่งที่คุณสามารถไปเยี่ยมชมและให้ความรู้สึกเหมือนคุณได้ย้อนเวลากลับไปสัมผัสประวัติศาสตร์ของเซ็นไดด้วยตัวของตัวเอง ①เซ็นไดซิตี้มิวเซียม สถานที่แรกที่ผมจะขอแนะนำคือเซ็นไดซิตี้มิวเซียม นี่คือพพิธภัณฑ์ที่ถูกก่อตั้งขึ้นบนบริเวณรอบนอกของซากปราสาทเซ็นได และคุณยังสามารถเห็น “ซังเก็ทสึเทย์” มรดกวัฒนธรรมของเมือง ซึ่งคุณสามารถสัมผัสถึงประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ได้จากสถานที่ตั้งของมัน การจัดแสดง แสดงตั้งแต่ยุคหินจนถึงปีหลังๆ และยังมีการจัดแสดงของมากกว่าพันชิ้นที่จัดเรียงอย่างมีระบบที่คุณสามารถเข้าไปชม คุณยังสามารถชมประวัติศาสตร์ทั้งหมดของเซ็นได ผมรู้สึกว่าพิพิธภัณฑ์ให้ข้อมูลที่ละเอียดเกี่ยวกับ ตระกูล “ดาเตะ” เมื่อคุณเข้าไปข้างใน หนึ่งในสิ่งที่ดึงดูดสายตาของคุณก็คือ มรดกของชาติที่ได้รับการลงทะเบียนกับ ยูเอ็นอี เวิร์ล “ภาพวาดฮะเสะคุระ ทสึเนะนะกะ” ภาพวาดสี่น้ำมันที่ถูกวาดขึ้นโดยศิลปินชาวญี่ปุ่นโดยใช้น้ำมันที่ดีที่สุดร่วมกับสีที่ฉูดฉาดก่อให้เกิดอิมแพคและความประทับใจต่อผู้ชม ตรงนี้ห้ามทำการถ่ายรูปเพราะฉะนั้นคุณจึงต้องไปชมความงามของมันด้วยตาของตัวเอง คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศภายนอกซึ่งภายในสวนมีรูปปั้นของ “ดาเตะ มะซะมุเนะ” ช่วงก่อนสงคราม ②ซากปราสาทเซ็นไดส่วนใน เมื่อผมรู้ประวัติของปราสาทเซ็นได ผมจึงตัดสินใจว่าจะต้องไปดูของจริงด้วยตัวเองสักครั้ง ซึ่งมันก็ใกล้กับพิพิธภัณฑ์มาก ๆ เพียงแค่เดินสิบนาทีเท่านั้น โปรดดูสภาพปัจจุบันของซากปราสาทเซ็นไดในบทความนี้ ได้ที่นี่. ที่นี่มีไวไฟฟรีให้บริการและยังมีคำบรรยายเขียนในหลายภาษา เพราะฉะนั้นคุณสามารถไปชมได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะไม่เข้าใจ ③1. กระท่อมบันซุย คุณรู้จักคนที่ชื่อว่า “โดอิ บันซุย” คุรอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อของเขามาก่อน แต่เขาคือคนที่เขียนเนื้อเพลงของเพลงดังอย่าง “โคโจ โนะ ทสึคิ” ที่พักอาศัยแห่งสุดท้ายของบันซุยยังถูกรักาไว้ในสภาพเดียวกับตอนที่เขายังมีชีวิต…

วัฒนธรรม(Culture)

สัมผัสกับธรรมชาติและวัฒนธรรมของโทโฮคุที่สวนมิฉิโนะคุ

สวนมิฉิโนะคุเป็นสวนที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นและได้รับการยอมรับจากทั่วประเทษ สวนแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับออนเซ็นอะคิอุและโด่งดังเพราะดอกไม้ที่ปกคลุมไปทั่ว คุณห้ามพลาดเทศกาล “คอสมอสและโคเชีย เดอ โคโก เฟสต้า ที่ถูกจัดขึ้นในสวนแห่งนี้ เป็นหนึ่งวันที่เพอร์เฟคในฤดูใบไม้ร่วงที่ทำให้รู้สึกสบายสุด ๆ ที่สวนแห่งนี้ดอกไม้เช่นดอกคอสมอสนั้นคอยต้อนรับคุณทันทีที่คุรเข้ามา และ”พื้นที่สดใส” ที่เพิ่งถูกตั้งชื่อหลังจากที่บริเวณนี้ถูกปลูกดอกไม้ประจำฤดูกาลไว้รอบ ๆ น้ำพุซึ่งจะเบ่งบานให้ผู้มาเยี่ยมชมในทุก ๆ ฤดูกาล สิ่งที่น่าสนใจที่สุดในงานเทศกาลคือดอกคอสมอสสีเหลือง คุณสามารถเห็นดอกคอสมอสยืดยาวไปตามเส้นขอบฟ้าโดยมีภูเขาไฟซะโอ้ที่เป็นฉากหลัง ดอกคอสมอสสรเหลืองเบ่งบานระยิบระยับภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่อง สวนมิฉิโนะคุเป็นสวนที่มีเอกลักษณ์และถูกขนานนามว่าเป็นผลงานประดิษประดอยของธรรมชาติที่คุณสามารถขมพืชพรรณพื้นเมืองซึ่งมีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง คุณเคยเห็นเม็ดเกาลัดที่อยู่บนต้นไม้หรือเปล่า? คุณสามารถเห็นเกาลัดที่อยู่บนต้นของมันได้ทั่วบริเวณของสวนมันเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่เด็ก ๆ ที่ชอบเล่นในที่กว้างเช่นกัน เมื่อคุณเดินลึกเข้าไปในสวนคุณสามาระเห็นต้นไม้พันธ์อื่น ๆ อีกมากมาย อย่างเช่น ต้นโคเชีย ต้นโคเชียเป็นไลท์อันดับสองของเทศกาลนี้ มันเปลี่ยนสีในช่วงต้นเดือนตุลาคมและเปลี่ยนเป็นสีแดงสดในช่วงกลางเดือนตุลาคม นักท่องเที่ยวจำนวนมากหลงรักภาพของใบโคเชียเรืองแสงภายใต้ดวงไฟที่เปิดยามค่ำคืน มีครอบครัวและลูกหรือเปล่า? สวนมิฉิโนะคุเป็นสถานที่ที่ห้ามพลาดสำหรับคุณ คุณสามารถหาสนามเด็กเล่นที่มีสไลเดอร์และเครื่องเล่นอื่น ๆ แล้วคุณกำลังรออะไรอยู่ล่ะ? ข้อมูล ที่อยู่ – 53-9 อะซะนิฮนมะทสึ โออะซะโอโนะ คาวาซาคิมาฉิ ชิบาตะกุน จังหวัด มิยากิ 989-1505 เข้าถึง – โดยรถบัส – อะคิอุ-คาวาซาคิ สาย…

七夕:アイキャッチจุดเด่น(Feature)

งานเทศกาลใหญ่ 1 ใน 3 ของโทโฮคุ ”เซนไดทานาบาตะ”

อีกไม่กี่วันก็จะเดือนกรกฏาคมแล้ว ฝนกับหิมะของเดือนมิถุนายนก็ได้ผ่านไป ก็ถึงเวลาของหน้าร้อนจริงๆ แล้ว งานเทศกาลหน้าร้อนของโซนโทโฮคุถือเป็นงานเทศกาลที่มีชื่อเสียงในระดับประเทศเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เทศกาลเนบุตะที่อาโอโมริ เทศกาลโคมไฟที่อากิตะ เทศกาลทานาบาตะที่เซนได สามงานนี้รู้จักกันในชื่อของ สามงานใหญ่ประจำโทโฮคุ เทศกาลทานาบาตะ ถูกสืบทอดกันมาในนามของ ”ตำนานทานาบาตะ” จากประเทศจีน สำหรับที่ประเทศญี่ปุ่นน่าจะเริ่มตอนสมัยเอโดะ ถึงแม้ว่าจะเป็นหนึ่งในงานเทศกาลที่เกี่ยวกับพระเจ้าในสมัยก่อนที่ยังหลังเหลืออยู่ แต่ในปัจจุบันได้กลายเป็นงานที่ให้ผู้คนได้เดินชม สิ่งต่างๆในงานกันอย่างสนุกสนาน งานทานาบาตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสามแห่งของญี่ปุ่นคือ ที่ เซนได ฮิราซึกะ และที่อันโจ ครั้งนี้เราจะมาพูดถึงลักษณะสำคัญ 3 อย่างกันนะครับ ข้อ1:มี 七つ飾り(นานะซึคะซึริ  7 สิ่งประดับตกแต่ง)ที่สวยงาม เซนไดทานาบาตะ มึ สิ่งประดับตกแต่ง 7 ชนิดที่ถูกเรียกว่า 七つ飾り สิ่งประดับแต่ละชนิดก็มีความหมายแตกต่างกันไป ทั้งขอให้แข็งแรง ขอด้านการเรียน การงาน เพื่อให้มีโชคลางที่ดี ข้อ2:งานทานาบาตะ แต่จัดเดือนแปด?(七夕 ทานาบาตะ 七 แปลว่า 7) โดยปกติเเล้วงานทานาบาตะจะจัดวันที่ 7 เดือน 7 แต่ว่างานทานาบาตะที่เซนไดจัดวันที่ 6 เดือน 8 เจ้าเมืองเซนไดในสมัยเอโดะกล่าวไว้ว่า 「งานทานาบาตะเริ่มจากคืนของวันที่…

img_5465-1จุดเด่น(Feature)

พายเรือคายัคที่โทะเลสาบทวาดะ

ทะเลสาบโทวาดะตั้งอยู่ระหว่างจังหวัดอะคิตะและอาโอโมริ ทะสาบโทวาดะเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะฮอนชู โดยมีความลึกที่ 325 เมตร รอกจากความสวยที่ทำให้ลืมหายใจแล้วนั้นบริเวณทะเลสาบยังสามารถทำกิจกรรมเช่นการพายเรือคายัค พวกเราส่งนักเขียนของเราไปลองสัมผัสกับการพายเรือคายัคแล้วมาเราให้พวกเราฟังกันในวันนี้ เรือคายัค ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญสำหรับกิจกรรมนี้เพราะฉะนั้นเสื้อชูชีพจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้และยังมีครูผู้ฝึกสอนที่คอยสอนนักท่องเที่ยวให้พายเรือคายัคอย่างถูกต้อง ซึ่งพวกเขาก็พูดภาษาอังกฤษได้ด้วย ง่ายสำหรับผู้เริ่มต้น สิ่งที่พวกเรากังวลมากที่สุดก็คือกลัวมาเรือคายัคนั้นจะคว่ำ แต่โชคดีที่ทะเลสาบนั้นค่อนข้างสงบ พวกเราจึงไม่ต้องกลัวว่าจะถูกคลื่นซัดจนเรือล่ม กิจกรรมพายเรือคายัคนั้นมีหลายเส้นทางให้เลือก มีตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงหรือสามชั่วโมง แม้กระทั่งใช้บริการตลอดทั้งวันก็มีให้เลือกเช่นกัน ข้อมูล 1ชม.:3000 เยน ($26 เหรียญ) 3ชม:5000 เยน ($44 เหรียญ) ตลอดวัน:7000 เยน ($62 เหรียญ) *รวมค่าเช่าอุปกรณ์ทั้งหมดแล้ว จองได้ที่นี่ Reservations Here

%e5%9b%b32-300x256วัฒนธรรม(Culture)

ราเม็งหลักของญี่ปุ่น – คิตาคาตะ ราเม็ง

เมืองคิตาคาตะในจังหวัดฟุคุชิม่าเป็นจุดเริ่มต้นของคิตาคาตะราเม็งและมันก็เป็นราเม็งหลักของประเทศญี่ปุ่น เคียงคู่กับซัปโปโรราเม็ง ฮะคาตะราเม็ง ครั้งงนี้ผมได้เดินทางไปยังเมืองคิตาคาตะเพื่อไปสัมผัสกับคิตาคาตะราเม็งจากแหล่งกำเนิด 「เครื่อง」 คิตาคาตะราเม็งมีรสซอสถั่วเหลืองที่ไม่เข้มเท่าไรนัก เมื่อรวมกับกระดูกหมู ไก่และอาหารทะเลทำให้เกิดรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละร้าน และเส้นของมันก็มีความหนาเพราะใช้เส้น “ทาคาซุอิ” ในการทำซึ่งคุณจะสามารถสัมผัสกับความละมุนของเส้นได้อย่างดี 「คิตาคาตะราเม็ง: ไรมุ」 ผมได้เดินทางไปยัง “ไรมุ” ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีร้านราเม็งถึงหกร้านด้วยกัน เมื่อผมเดินทางไปถึงก็เลยเวลาเที่ยงไปแล้วและในร้านก็เต็มไปด้วยลูกค้า เมนูแรกก็คือคิตาคาตะราเม็งโป๊ะหน้าด้วยเนื้อหมูย่างสไลด์เป็นแผ่นบาง ๆ ผมได้สั่งคิตาคาตะราเม็งโป๊ะหน้าด้วยหมูย่างในราคา 860 เยน น้ำซุปกับเส้นของมันนั้นผสมกันได้อย่างลงตัว ทำให้เกิดความอร่อยนี้ขึ้นมา หมูย่างสไลด์นั้นนุ่มาก ๆ ถึงกับละลายในปาก ซึ่งหมูนี้นั้นได้หมักนานถึงสามวันทำให้รสชาติของมันเข้มข้นเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ผมยังได้สั่งเกี๋ยวซ่าในราคา 300 เยน ซึ่งมันก็ฉุ่มฉ่ำและอร่อยมาก ๆ เช่นกัน สรุป เมื่อคุณเดินทางมายังภูมิภา๕โทโฮคุ อย่าลืมมาลองคิตาคาตะราเม็งกันล่ะ รามุเป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่ ณ ไอซึวาคามัตสึ และ โควริยามะ จังหวัดฟุคุชิม่า

pic_0241-300x169จุดเด่น(Feature)

ประวัติศาสตร์ 1900 ปีของศาลเจ้า “อาซะคุนิสึโคะ”

ในปี ค.ศ. 135 ศาลเจ้าอะซะคุนิสึโคะถู฿กสร้างขึ้นในกลางจังหวัดฟุคุชิม่าเพื่อความสงบสุขและการเจริญงอกงามของพืชผล มาล้างมือที่ “โฉซุชะ” ๖สร้างขึ้นมาสำหรับล้างมือและบ้วนปาก ก่อนจะเข้าไปยังตัวศาลเจ้า ศาลเจ้าอะซะคุนิสึโคะตั้งอยู่ใจกลางเมือง และสามารถเดินไปได้ โดยใช้เวลาแปดนาทีจากสถานีโควริยะมะ ถึงแม้จะตั้งอยู่ใจกลางเมืองแต่เมื่อคุณก้าวเท้าเข้าไปยังบริเวณศาลเจ้าแล้วคุณจะรู้สึกว่าเวลาและบรรยากาศโดยรอบนั้นเป็นบรรยากาศของศาลเจ้าโดยเฉพาะ นอกจากนั้นคุณยังไม่รู้สึกว่าบรรยากาศที่นี่มันหนักอึ้งเหมือนบรรยากาศในตัวเมือง แต่คุณจะสามารถรู้สึกได้ถึงความขลังองตัวศาลเจ้า คุณสามารถได้ยินเสียงลมพัดผ่านและใบไม้ที่ร่วงหล่นตามสายลม ศาลเจ้านี้นั้นมีผลกระทบต่อวัฒนธรรม ประวัติสาสตร์ และความสง่างาม คุณสามารถสัมผัสได้ถึงคลื่นความศักดิสิทธิที่แผ่ออกมาจากศาลเจ้าแห่งนี้ ผมขอแนะนำให้คุณไปยังศาลเจ้าแห่งนี้ ศาลเจ้าสร้างจากไม้ชาดด้วยเทคนิคพิเศษของช่างที่มีความเชี่ยวชาญในการสร้างวัดโดยเฉพาะ มีโครงสร้างหลายอย่างที่น่าสนใจที่ศาลเจ้าแห่งนี้ ในปี 1910 สถานที่นี้ถูกสร้างงขึ้นและสามารถชมเทศกาลใบไม้ร่วงได้ในเดือนกันยายน วันที่ 28,29 ในส่วนของู้เขียนนั้น ถึงแม้จะอยู่ญี่ปุ่นมามากกว่ายี่สิบปีแล้วก็ยังไม่เคยเห็นอาคารแบบนี้มาก่อน ในศาลเจ้าแห่งนี้มีประตูที่เห็นอย่างรูปข้างบนมากมาย ซึ่งเป็นการสักการะเทพเจ้าแห่งการเพาะปลูก อาหาร และการค้าขาย สรุป ศาลเจ้าแห่งนี้สามาถเดินทางไปได้ง่ายมากแล้วบรรยากาศก็ดีมากอีกด้วย เชิญรื่นรมย์ไปกับบรรยากาศศักดิสิทธิที่ศาลเจ้าอะซะคุนิสึโคะให้เต็มที่

%e3%81%95%e3%81%95%e3%81%8b%e3%81%be%ef%bc%91วัฒนธรรม(Culture)

เพลิดเพลินไปกับ “คามาโอะโกะ” ย่าง ในมัตสึชิม่า

มัตสึชิม่ามักจะถูกพูดถึงโดยนิตยสารและเว็บไซต์ท่องเที่ยวว่าเป็นหนึ่งสถานที่ที่สวยที่สุดในประเทศญี่ปุ่น มัตสึชิม่ายังได้ชื่อว่าเป็น หนึ่งในสามวิวที่ดีที่สุดอีกด้วย มัตสึชิม่าอยู่ไม่ไกลจากออฟฟิศของโทโฮคุ 365 เท่าไรนัก ผู้เขียนบทความของเรามักจะไปใช้เวลาผ่อนคลายที่นี่อยู่เสมอ ถึงแม้เราจะนำเสนอเกี่ยวกับมัตสึชิม่าไปรอบหนึ่งแล้ว แต่เราก็อดไม่ได้ที่จะกลับไปที่นี่อีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้เราเดินทางไปยัง ร้านอาหารมัตสึคาม่า เจเนอรัลออฟฟิศ ห่างจากสถานีมัตสึชิม่า-ไคคังเพียงแค่ห้านาที เตรียมพร้อมที่จะเติมกระเพะของเราด้วย “คามาโปะโกะ” สำหรับคนที่ยังไม่รู้จักคามาโบะโกะ คามาโบะโกะคืออาหารของญี่ปุ่นที่ทำจาก ซุปที่ได้จากปลา นำมาทำเป็นเค้กรูปปลา หลังจากนั้นก็นึ่งจนเนื้อคล้ายเยลลี่ สำหรับคนที่ชอบทานปลานั้นมันมีรสชาติที่อร่อยมาก ถึงจะหลักเลี่ยงกลิ่นไม่ได้ก็ตาม ที่ร้านแห่งนี้มีแยมที่ทำจาก นาม่าโบะโกะชนิดต่าง ๆ สูตรดั้งเดิมนั้นทำจากปลา นอกจากนั้นก้มีที่ทำมาจากไผ่ หรือเต้าหู้อีกด้วย เราเลือกที่มาที่ร้านแห่งนี้เพราะคุณสามารถย่างยามาโบะโกะได้ด้วยตัวเอง และมีราคาที่ถูกมาก ทั้งยังเป้นประสบการณ์ที่สนุกสนานสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการทำอาหารอีกด้วย หลังจากที่จ่ายค่ายามาโบะโกะแล้ว คุณจะได้รับยามาโบะโกะ “สด” มาแล้วพนักงานก็จะพาคุณไปยังที่ย่าง พูดตรง ๆ พวกเราก็ไม่ได้ย่างเก่งอะไรเท่าไร เพราะฉะนั้นยามาโบะโกะของพวกเราหลายคนนั้นก็ไหม้ไปเล็กน้อย ถึงจะไหม้แตก็ยังอร่อยนะ! บางทีคราวหน้าเราคงจะย่างได้ดีกว่านี้ ถ้าคุณเดินทางมายังมัตสึชิม่า หรือเดินไปทางยังพื้นที่ที่ติดชายทะเล อย่าลืมมองหาร้านที่ขายยามาโบะโกะกันล่ะ ร้านส่วนใหญ่จะให้โอกาสคุณย่างด้วยตัวเอง ถึงจะเป้นระยะเวลาสั้น ๆ แต่ก็เป็นอะไรที่สนุกมาก Matsukama-Souhonten

jazzจุดเด่น(Feature)

เปลี่ยนเมืองเซ็นไดให้เป็นเวที ถนนโจเซนจิกับงานเทศกาลแจ๊ส

ทุก ๆ ปีในฤดูใบไม้ร่วง เมืองที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุ “เซ็นได” จะถูกเปลี่ยนให้เป็นเวทีการแสดง ของเทศกาลแจ๊สบนถนนโจเซนจิ เทศกาลนี้ได้ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งคนญี่ปุ่นและคนต่างชาติให้มาเยี่ยมชมการแสดงของเหล่านักดนตรีประจำท้องถิ่นจนไปถึงวงดังระดับประเทศ ถึงแม้จะชื่อว่าเทศกาลแจ๊สแต่ดนตรีที่นำมาแสดงนั้นมีความหลากหลายตั้งแต่ ร็อคไปถึง แจ๊ส 1. ทั้งเมืองถูกเปลี่ยนให้เป็นเวทีแสดงดนตรี เสน่ห์ของงานเทศกาลนี้ก็คือ การที่เมืองถูกเปลี่ยนไปเป็นเวทีแสดง ในปีที่ผ่านมา (2016) มีเวทีมากกว่า 40 จุด จัดแสดงขึ้นพร้อมกัน 2.มีนักดนตรีเข้าร่วมมากกว่า 715 คน ทุก ๆ ปี มีวงมากกว่า 600 วงเข้าร่วมแสดงในงานเทศกาลนี้ และประเภทของดนตรีนั้นก็มีความหลากหลาย ผู้ชชมไม่ต้องกังวลว่าดนตรีที่นำมาแสดงนั้นจะไม่เข้ากับรสนิยมของตน ไม่ว่ายังไงคุณก็สามารถหาดนตรีที่ถูกใจคุณ ฟังได้อย่างแน่นอน การแสดงมักจะแสดงจนถึงสองทุ่ม 3. สรุป เทศกาลแจ๊สบนถนนโจเซนจิ เปลี่ยนเมืองเซนไดกลายเป็นสวรรค์สำหรับเสียงเพลง เป็นเวลาทั้งหมดสองวัน ในเดือนกันยายน ทั้งนี้การเข้าชมไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น หากชื่นชอบในเสียงเพลงแล้วล่ะก็ลองมาดูเมืองแห่งดนตรี นี้กันเถอะ

161003_5จุดเด่น(Feature)

ศาลเจ้า สึริชิ * เทพที่ไม่มีวันล้ม

เทพแห่งการสอบที่ฝืนแรงโน้มถ่วง ศาลเจ้าสึริชิ อยู่ใน จังหวัด มิยากิ,อิชิโนมากิ ศาลเจ้าแห่งนี้อยู่ในเมือง คิตาตามิโชว, จูซันฮะมะ ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่รู้จักในก้อนหินขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ริมผาและเป็นตัวแทนของเทพแห่งการสอบ ก้อนหินยักษ์นี้ไม่แม้แต่จะจยับเขยื้อนแม้จะผ่านภัยพิบัติอย่างเช่น แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปี 1978 หรือ สึนามิ ในปี 2011 จนได้รับการขนานนามว่าเทพเจ้าแห่งการสอบที่ฝืนกฏแรงโน้มถ่วง แต่เทพเจ้าองค์นี้จะได้รับการบูชาก็แค่เพียงช่วงสอบเท่านั้น ศาลเจ้าแห่งนี้ยังถูกเชื่อว่าจะนำความโชคดีมาให้แก่บริษัท เพราะในชื่อ มีคำว่า สึริ ที่แปลว่า ตกปลา และตัวก้อนหินนั้นมีรูปร่างคล้ายกับเต่าซึ่งมีความหมายว่าอายุยืน เมื่อเดินขึ้นบันไดไปคุณจะได้เห็นมันใกล้ ๆ เมื่อเดินขึ้นบันไดไปคุณจะได้เห็นมันใกล้ ๆ (ภาพจากข้างล่าง ) เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันอยู่อย่างนี้ได้ยังไง (ภาพจากด้านข้าง) มันมีก้อนหินหนุนอยู่ด้านใต้ หรือถูกยึดโดยภูเขากันนะ ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ตามมันก็ดูน่าสนใจอยู่ดีไม่ว่าจะมองจากมุมไหน Summary  มาที่สึริชิเพื่อดูก้อนหินยักษ์ที่ฝืนกฏแรงโน้มถ่วงกันเถอะ

2016092900005100การเข้าถึง(Access)

บางครั้งขอพรจากทวยเทพบ้างก็ไม่แย่นะ

ตอนนี้หน้าร้อนก็กำลังจะหมดแล้ว และฤดูใบไม้ผลิก้กำลังจะมาเยือน วันนี้ผมจะมาเล่าถึงสถานที่ที่ช่วยเสริมดวงด้านความรักของคุณ ศาลเจ้า “ฟูตะฮะชิระ อยู่ใกล้ ๆ กับสถานี “ยาโทเมะ” หรือห่างจากเซนไดประมาณยี่สิบนาทีหากเดินทางโดยร๔ยนต์ หลังจากไปถึงสถานีแล้ว จะต้องเดินไปอีกประมาณ หหนึ่งกิโลครึ่งก่อนจะถึงตัวศาลเจ้า หากคุณวางแผนจะไปช่วงหน้าหนาวแล้วล่ะก็อย่าลืมใส่เสื้อหนา ๆ มาด้วยล่ะ คุณควรจะบริจาคเป้นเงิน จำนวน ห้า เยน (ในภาญี่ปุ่น อ่านว่า โกเอน) ซึ่งออกเสียงเหมือนกับคำว่า โชคดีในภาษาญี่ปุ่น (อ่านว่า โกเอน) และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมคุรควรจะบริจาคเป็นเงิน ห้า เยน ขณะที่ทำการศักการะ คุณจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนเพื่อที่เทพเจ้าจะได้ยินเสียงคำอธิษฐานของคุณ โค้งสองครั้ง ตบมือสองครั้ง แล้วก็โค้งอีกครั้งหนึ่ง หากทำตามขั้นตอนเสียงอธิษฐานของคุณก็จะส่งไปถึงเทพเจ้าได้แล้ว ที่จริงแล้ว ผมเองก็สงสัยว่าทำไมศาลเจ้าแห่งนี้ถึงโด่งดังในเรื่องความรักกันนะ ผมจึงกูเกิ้ลซะหน่อย แล้วก็ได้พบคำตอบที่จะมาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังกันในวันนี้ ถึงที่ไทยเราจะนับเทพ หรือเทวดา เป็นตน แต่ที่ญี่ปุ่นเขาจะนับเทพ เป็น ต้น (สรรพนามของเสา) เสาสองต้น (เทพสององค์) คือ อิซานากิ โนะ มิโคโตะ…

20160804_5-300x300จุดเด่น(Feature)

เยี่ยมชมหมู่บ้านโบราณ สมัยเมจิ

วันนี้ผมขอแนะนำหมู่บ้านโบราณ สมัยเมจิ หมุ่บ้านดทยามะเมจิ หรือที่ถูกเรีกยว่า “หมู่บ้านมิยากิเมจิ” ในเมืองโทเมะ ในหมู่บ้านโทยามะเมจิมีบ้านพักของเหล่าซามูไร โรงเรียน บ้านเก่าที่ถูกเก็บไว้ตั้งแต่สมัยเมจิ คุณสามารถหาประสบการณ์การเดินทางย้อนเวลากลับไปยังอดีตได้ยังที่แห่งนี้ ที่อยู่ทางเหนือของจังหวัดมิยากิ หอสมุด(สถานที่สำคัญทางวัฒนธรรม ของประเทศญี่ปุ่น) หอสมุดถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1888 และถุกใช้โดยโรงเรียน โทเมะจินเจียว หอสมุดก่อสร้างด้วยไม้ มีลักษณะรูปตัว U โดยมีระเบียงอยุ่ด้านนอกตัวอาคาร หอสมุดแห่งนี้เป้นสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่น และเป็นที่ที่มมีคุณค่าทางวัฒนธรรมเป็นอย่างมาก ค่าเข้าชม : 400 เยน หอข้อมูลตำรวจ (สถานที่สำคัญทางวัฒนะรรมของจังหวัด) ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1889 สถานีตำรวจโทเมะถูกใช้เพื่อสร้างหอข้อมูลแห่งนี้ขึ้นสถาปนิกที่สร้างหอข้อมูลแห่งนี้คือคนเดียวกับที่สร้างหอข้อมูลการศึกษา อาครหลังนี้เป็นอาคารไม้สูงสองชั้น มี shitami itabari(กระดานไม้แขวนไว้ข้างแผ่นเหล็ก) หลังคาตกแต่งด้วยแผ่นกระเบื้อง บนทางเข้าคือระเยียง แสดงถึงความก้าวล้ำหน้าทางเทคนิคของผู้สร้าง ที่นี่เป็นหอข้อมูลของตำรวจเพียงแห่งเดียวที่เปิดให้ประชาชนเข้าชมได้ ค่าเข้าชม 300 เยน บ้านพักซามูไร ชูรันเทย์ ซามูไรหลังนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1604 เมื่อ มูเนะสาดะ ชิไรชิ ย้ายจากมิซาว่า จังหวัดอิวาเตะ…

13835944_1138600542880315_81095499_o-1024x682ทริป(Day Trips)

สัมผัสบรรยากาศเมื่อ 400 ปีที่แล้วที่ “Ouchi-Juku”

โออุจิจูกุ เป็นสถานที่เก็ยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์เป็นระยะเวลากว่าสี่ร้อยปี มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากถึง 1 ล้านคนต่อปีจากทั่วโลกมาเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ ภูมิทัศน์ สถานที่แห่งนี้ทำให้รู้สึกคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นญี่ปุ่นดั้งเดิม ที่เมืองแห่งนี้ได้ถูกตั้งให้เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์โดยรัฐบาลญี่ปุ่น ประวัติ เมื่อ 400 ปีก่อน ขุนนางจำนวนและซามูไรจำนวนมากได้มาแวะพักอาศัยที่เมืองแห่งนี้ก่อนที่จะเดินทางไปเมืองโตเกียว ดังนั้นผู้คนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้จึงเปิดกิจการโรงแรมและทำงานเกษตรกรรมเป็นรายได้หลัก ถึงแม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในปี 1683 และสงครามไอซุในปี 1868 เมืองแห่งนี้ก็ยังคงความสวยงามแบบเดิมมาป็นเวลากว่า 400 ปี อาหาร อาหารที่ขึ้นชื่อของเมืองนี้คือ โซบะต้นหอม ดังนั้นอย่าลืมที่จะสั่งเมนูนี้มาลองกินกันละ สรุป คุณสามารถสัมผัสบรรยากาศ 400 ปีก่อนได้ที่เมืองแห่งนี้ อย่าลืมมาแวะเที่ยวกันละ! access

7ทริป(Day Trips)

กินเต้าหู้ทอดที่ภูเขาเซียวกิ

ทุกคนที่อาศัยอยู่ในเมืองเซนไดล้วนรู้จัก เต้าหู้ทอดแห่งภูเขาเซียวกิ ในครั้งนี้เราจะนำเสนอเมนูนี้ให้ผู้อ่านทุกท่านได้รับทราบกัน จริงๆแล้วชื่อที่ถูกต้องคือ “Zyogi Nyorai Saihou Temple” ทางตะวันออกของเมืองเซนได ที่ตีนเขาของทิวเขาโออุเป็นที่ตั้งของภูเขาเซียวกิ มีชื่อเดิมว่า “เซียวกิ” แต่ปัจจุบันถูกเรียกว่า “เซียวเกะ” เป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ภายในภูเขามีถนนมอนเซนและวัดตั้งอยู่อีกด้วย คุณสามารถเดินทางมาที่นี่ได้โดยใช้รถโดยสารหรือรสบัส มาเข้าวัดกันเถอะ ประตูทางเข้านั้นมีอายุมากถึง 90 กว่าปี หลังจากผ่านประตูใหญ่ไปก็จะพบโถงของตัววัด ตามหลักประเพณีควรจะล้างมือก่อนเข้าวัด ซึ่งถือเป็นสิ่งจำเป็น การล้างมือก่อนเข้าวัดหมายถึงการชำระล้างสิ่งสกปรกทั้งร่ายกายและจิตใจ เชื่อกันว่าใครก็ตามที่มาเยี่ยมชมวัดแห่งนี้จะได้รับโชคลาภกลับไปด้วย ที่ทางเข้าของตัววัดมีการปรับปรุงซ่อมแซมพระพุทธรูปอยู่ คาดว่าน่าจะเสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ค. 2016 สวนญี่ปุ่น หลังจากเดินชมสวนแล้ว คุณสามารถเห็นตัวอาคารอีกแห่ง ซึ่งถูกสร้างขึ้นในปี 1999 และภายในยังมีสวนสวยงามให้นักท่องเที่ยวได้ผ่อนคลายอีกด้วย เมื่อเดินอยู่ซักพักคุณก็จะพบกับสวน โมริโนะมิยาโกะ ซึ่งเป็นที่ตั้งของเจดีย์ 5 ชั้นอีกด้วย กินเต้าหู้ทอด หากได้มาถึงภูเขาเซียวกิแล้ว แต่ไม่ได้ลองเต้าหู้ทอดของที่นี่ก็ถือว่ายังมาไม่ถึง เมื่อเดินออกมาจากวัดจะมีร้านขายเต้าหู้ทอดตั้งอยู่ใกล้ๆซึ่งมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในเรื่องของเต้าหู้ทอด คิวยาวมากกก เต้าหู้หนึ่งชิ้นจะมีราคาประมาณ 120 เยน กินคู่กับโชยุและผงกระเทียม สรุป การเดินทางมาที่นี่ใช้เวลาไม่มากนัก สามารถมาแบบไปเช้าเย็นกลับได้ วิวสวย เต้าหู้อร่อย…

銀山温泉-768x1024วัฒนธรรม(Culture)

สำรวจสถานที่ท่องเที่ยวลับ: กินซันออนเซน

ที่เมืองโอบานะซาวะ จังหวัดยามากาตะ เป็นที่ตั้งของออนเซนแห่งหนึ่งมีชื่อว่า “กินซัน” ออนเซนแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยวเนื่องจากมี บ่อน้ำพุร้อนและโรงแรมเป็นจำนวนมาก ที่น่าสนใจคือออนเซนแห่งนี้ยังถูกนำไปใช้เป็นฉากในภาพยนตร์ชื่อดังของ Ghibli อีกด้วย ซึ่งก็คือเรื่อง Spirited Away นั่นเอง ภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล ออนเซนแห่งนี้ถูกล้อมรอบด้วยภูเขา และสีของภูมิทัศน์โดยรอบจะเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาลอีกด้วย ในช่วงฤดูร้อนบริเวณรอบตัวรีสอร์ทจะเป็นสีเขียว และในช่วงฤดูหนาวออนเซนแห่งนี้จะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ดังนั้นอย่าลังเลที่จะเลือกช่วงเวลาที่จะมาเที่ยว ไม่ว่าฤดูไหนก็สวยต่างกันไปคนละแบบ มุมมองในยามค่ำคืน บรรยากาศของออนเซนแห่งนี้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อถึงเวลาตอนกลางคืน แสงจากเรียวกังจะส่องสว่างอยู่ตามถนนเก่าๆ ในช่วงฤดูร้อนจะมีคนสวมยูกาตะเดินอยู่บริเวณรอบๆ โรงแรมญี่ปุ่น หนึ่งในจุดเด่นของออนเซนแห่งนี้คือ บรรยากาศเก่าๆที่ถูกสร้างขึ้นโดย อาคารโรงแรมโบราณโดยรอบ โรงแรมบางแห่งมีประวัติยาวนานย้อนไปตั้งแต่สมัยโชวะ หรือ 100 กว่าปีก่อน โรงแรมเหล่านี้ยังคงให้บริการนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเรื่องเป็นอาหาร ที่พัก ความอบอุ่นและความเป็นกันเองของพนักงานโรงแรม และแน่นอนว่ายังคงมีความลับอีกมากมาย ณ ออนเซนแห่งนี้ ซึ่งยังคงรอคอยให้เหล่านักท่องเที่ยวทั้งหลายมาค้นหา คุณสามารถลองมาสัมผัสบรรยากาศกับเร้นลับ ผ่อนคลาย และความเป็นญี่ปุ่นดั้งเดิม ได้ที่ออนเซนแห่งนี้ กินซันออนเซน Trip adviser

Akiu-300x225จุดเด่น(Feature)

ตะลุยอะกิยุออนเซน

อะกิยุออนเซนตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟเซนไดมากนัก เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การสัมผัสบรรยากาศงานศิลป์ญี่ปุ่น บ่อน้ำพุร้อน และวิวสวยงาม อะกิยุออนเซนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น สวนธรรมชาติ Tenshu-Kaku สวน Tenshu-kaku ตั้งอยู่ใกล้กับอะกิยุออนเซน คุณสามารถเดินชมสวนแห่งนี้ได้ ซึ่งที่สวนแห่งนี้ยังมีบ่อแช่เท้าอีกด้วย แช่เท้าไปพลางชมธรรมชาติไปพลาง ทำให้รู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก ค่าเสียหาย 450yen Google MAP งานหัตถกรรม อะกิยุเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของงานไม้ต่างๆ เช่น ลูกข่าง ตุ๊กตาไม้ และตะเกียบ ซึ่งที่นี่จะมีผู้ฝึกสอนการทำงานไม้ให้อีกด้วย ค่าเสียหาย koma:1000yen โรงอาบน้ำ หากคุณมาเที่ยวที่อะกิยุ สิ่งที่คุณจะพลาดไม่ได้เลยคือออนเซนนั่นเอง อุกิยุออนเซนมีประวัติยาวนานกว่า 1500 ปี นอกจากนี้องค์ราชา คินเม ยังเคยมาที่ออนเซนแห่งนี้อีกด้วย ค่าเสียหาย Onsen:1200yen MAP สรุป หากคุณต้องการที่จะสัมผัสออนเซนที่ดีที่สุดของภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เราก็ขอแนะนำให้คุณมาลองเที่ยวที่อะกิยุออนเซนดู และที่นี่มีรีสอร์ทคอยรับรองนักท่องเที่ยวอีกด้วย

1464081372768-300x225ทริป(Day Trips)

“กาต้มน้ำญี่ปุ่น” OIGEN

ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีชื่อเสียงในเรื่องชองการผลิตโลหะภัณฑ์ ซึ่งหนึ่งในงานศิลป์โลหะภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงที่เราจะมานำเสนอในวันนี้คือ “นัมบุ”หรือ “กาต้มน้ำ” ซึ่งได้ถือกำเนิดขึ้นในจังหวัด อิวาเตะ การผลิตกาน้ำนัมบุได้เริ่มต้นขึ้นในตั้งแต่สมัย เฮอัน (ค.ศ. 784-1185) สามารถพบได้กว้างขวางในภูมิภาคอิวาเตะ ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยมีชื่อเสียงมากนานแต่ OIGEN ก็ยังภูมิใจในฝีมือการสร้างสรรค์โลหะนัมบุ ซึ่งมีประวัติถึง 160 ปี จึงทำให้โด่งดังไปทั่วโลก งานฝีมือและความภูมิใจ กาต้มน้ำที่ผลิตโดย OIGEN นั้นเป็นงานแฮนด์เมด โดยจะมีหมายเลขปั๊มติดอยู่กับตัวโลหะที่ทำเสร็จแล้ว สีสันที่หลากหลาย โดยปกติแล้ว OIGEN จะผลิตกาน้ำแค่สองสีคือ ดำกับสีดิน แต่เนื่องจากมีความต้องการจากทั่วโลกโดยเฉพาะเรื่องของสีสันที่หลากหลาย จึงทำให้สามารถเลือกสีที่ต้องการได้ คุณภาพ ประโยชน์ของกาน้ำนัมบุคือทำให้ต้มน้ำให้เดือดได้ภายในระยะเวลาที่สั้น ประโยชน์อย่างอื่นคือช่วยกำจัดสารเคมีในน้ำ รวมถึงขจัดกลิ่นอีกด้วย กาน้ำนัมบุเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของญี่ปุ่น มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน อีกทั้งยังมีความสวยงาม ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมากาน้ำนัมบุ OIGEN ยังได้ถูกนำไปจัดแสดงที่งานนิทรรศการในลอนดอนอีกด้วย ในตอนนี้ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจเกี่ยวกับงานศิลป์เก่าแก่ของญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก กาน้ำนัมบุก็ถือเป็นหนึ่งในงานศิลป์ญี่ปุ่นที่คนกำลังให้ความสนใจกัน หากคุณมาที่ภูมิภาคโทโฮคุก็อย่าลืมหิ้วกาน้ำ OIGEN กลับไปละ! OIGEN HP

塩釜神社-1024x576วัฒนธรรม(Culture)

ศาลเจ้าชิโอะกามะ: วัดพันปี

ศาลเจ้าชิโอะกามะเป็นหนึ่งในศาลเจ้าเพียงไม่กี่แห่งที่มีประวัติยาวนานถึง 1200 ปี และยังเป็นสถานที่ที่ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอีกด้วย ต้นซากุระบริเวรศาลเจ้าเปรียบได้กับอนุสรณ์ทางธรรมชาติ คนที่มาศาลเจ้าล้วนมาขอพรเกี่ยวกับ สุขภาพของทารก สภาพของทะเล รวมถึงการเดินทางปลอดภัย บันไดสู่โชคลาภ ทางไปศาลเจ้าเป็นขั้นบันไดจำนวน 202 ขั้น ซึ่งเชื่อกันว่าถ้าสามารถเดินผ่านครบทุกขั้นจะถือว่าโชคดี ในทุกๆปีจะมีคนมากราบไหว้และขอพรอีกด้วย ขออะไรก็ได้ นอกจากนี้แล้ว เรายังสามารถขอพรอะไรก็ได้ตามที่เราปรารถนา ถึงแม้ว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่จริงก็ตาม ที่นี่ยังมีกระทั่งเครื่องลางที่เขียนว่า”สมพรปรารถนาในทุกๆเรื่อง” บริเวณสวน ในช่วงฤดูใบไม้ผลิคุณสามารถเดินชมดอกซากุระได้ที่สวนของศาลเจ้า ในฤดูร้อนสวนจะเป็นสีเขียว ในฤดูใบไม้ร่วงก็จะเป็นสีแดง และในฤดูหนาวก็จะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ นอกจากนี้แล้วยังมีร้านดังโงะใกล้ๆอีกด้วย สรุป คุณสามารถเดินทางมาที่นี่โดยนั่งรถไฟมาจากสถานีรถไฟเซนได ศาลเจ้าชิโอะกามะถือเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การสัมผัสวัฒนธรรม สักการะ และขอพรจากเทพเจ้า อย่าลืมมาแวะเที่ยวที่นี่กันละ! ーーーーーーーーーーーーーーー WEB(Japanese only) http://www.shiogamajinja.jp/ ーーーーーーーーーーーーーーー

1456295348347-768x1024วัฒนธรรม(Culture)

หัตถกรรมดั้งเดิมของภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

เนื่องจากมีคนที่ยังไม่รู้จักเกี่ยวกับงานหัตถกรรมของภูมิภาคโทโฮคุอยู่ ครั้งนี้เราจึงนำเสนองานหัตถกรรมให้ได้ทราบกัน ร้านปั้นโทโฮคุโคเก ร้านโทโฮคุโคเก ถือเป็นตัวแทนของสังคโลกปั้นเล็กๆในเมืองเซ็นได มีผลิตภัณฑ์ดินเผามากมายอาทิ ชาม ถ้วย รวมถึงปากกา การลงสีเครื่องดินผาและฝีมือของช่างปั้นถือเป็นสิ่งที่น่าจับตามองเลยทีเดียว งานสังคโลกของเซ็นได เมื่อเรามองมาที่เครื่องสังคโลกชุดนี้ทำให้รู้สึกได้เหมือนกับมองท้องฟ้าในยามค่ำคืน ราวกับสามารถเปลี่ยนสีได้ตามการหักเหของแสง ดีไซน์ทันสมัย ลายที่เป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมนั้นทำได้โดยใช้เทคนิคพิเศษก็คือ การใช้ผงเงินและสีที่หลากหลาย โดยลายที่ทันสมัยนั้นจะถูกสร้างขึ้นโดยมีงานดั้งเดิมเป็นแม่แบบ มุ่งมั่นและทุ่มเท ขณะนี้ นักปั้นเหล่านี้กำลังนำไอเดียเกี่ยวกับอนิเมะและมังงะมาใช้อีกด้วยเพื่อที่จะสร้างลายเอกลักษณ์ที่สามารถทำให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก จุดประสงค์หลักคือเพื่อนที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยว เช่น ธีม “Touch Classic” ซึ่งเป็นธีมริเริ่มของ “Cool Japan” สรุป งานสังคโลกถือเป็นงานที่มีประวัติเก่าแก่เป็นเวลากว่า 100 ปีเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าลวดลายจะดูเก่าแก่ ช่างปั้นเหล่านี้ก็พยายามจะแปลงโฉมเครื่องสังคโลกเหล่านี้ให้ดูทันสมัยยิ่งขึ้น คุณเองก็ลองมาที่เซ้นได มาลองเยี่ยมชมร้านปั้น Tohoku Kogei ดูสิ! Tohoku Kogei HP

佐々木さん農家1วัฒนธรรม(Culture)

ทำไมข้าวที่จังหวัดมิยางิถึงอร่อย? บทสัมภาษณ์จากนักศึกษาปริญญาโทจากลอนดอน

ทุกๆปี จังหวัเมิยางิจะผลิตข้าวเป็นจำนวน 40,000 ตัน โดยมีบริษัทผู้ผลิตรายหลักได้แก่ Hitomebore, Sasanishiki และ Manamusume ข้าวตรา Hitomebore ถือได้ว่าเป็นข้าวเกรด A ที่ได้รับการยอมรับจากครัวญี่ปุ่นเป้ฯเวลา 12 ปี เคล็ดลับการประสบความสำเร็จจะได้นำมาเล่าดังต่อไปนี้ โดยจะเป็นการสัมภาษณ์บริษัทโดยนักศึกษาระดับปริญญาโทสาขาวิชาเกษตรกรรม เหตุผลที่ 1: สภาพแวดล้อมที่ดี จังหวัเมิยางิ มีชื่อเสียงในเรื่องของธรรมชาติที่สวยงาม มีแม่น้ำและลำธารมากถึง 80 แห่ง ซึ่งหมายความว่าดินที่นี่มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก เมื่อ 400 ปีที่แล้ว ผู้แกครองเมือง ท่านดาเตะ มาซามูเนะ ได้สร้างที่นาว่าเป็นจำนวนมาก จึงทำให้สามารถปลูกข้าวที่อร่อยและมีคุณภาพได้ เหตุผลที่ 2: อุณหภูมิและความชื้น การจะปลูกข้าวให้อร่อยนั้น อุณหภูมิและความชื้นถือเป็นปัจจัยสำคคัญ โดยจะต้องควบคุมให้อยู่ในระดับมาตรฐาน น้ำในแปลงนาจะถูกเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอ ภายหลังจากเก็บเกี่ยวแล้ว ข้าวจะถูกเก็บอยู่ในที่แห้งและถูกควบคุมอุณหภูมิ หลังจากนั้นจะถูกบรรจุใส่ถุงสูญญากาศ ซึ่งทั้งสามปัจจัยนี้ทำให้ผลิตข้าวที่มีคุณภาพออกมาได้ เหตุผลที่ 3: ความทุ่มเทและเอาใจใส่ พวกเราได้สัมภาษณ์คุณซาซากิ ซึ่งเป็นชาวนารุ่นที่ 10 และได้ดูแลแปลงนาเป็นเวลากว่า 100 ปีแล้ว…

oomagariวัฒนธรรม(Culture)

ดอกไม้ไฟโอมะการิ

ที่ใจกลางจังหวัดอาคิตะ มีเมืองไดเซนตั้งอยู่ ซึ่งที่เมืองนี้จะมีงานประกวดดอกไม้ไฟถือได้ว่าเป็นงานที่ใหญ่ระดับประเทศเลยทีเดียว งานประกวดดอกไมม้ไฟเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1910 ช่างทำดอกไม้ไฟได้นำดอกไม้ไฟที่ดูซับซ้อนที่สุด มาประลองกันในงานนี้เพื่อที่จะได้ตัดสินว่าใครเป็นช่างทำดอกไม้ไฟที่เก่งที่สุด ในงานแข่งขันปีที่แล้ว ถึงแม้ว่าจะมีฝนตกก็ยังมีคนมากมายมารอดูชมงานดอกไม้ไฟเป็นจำนวนมาก คาดว่าผู้คนในเมืองไดเซนในตอนกลางคืนนั้นมีประมาณ 40,000 ถึง 80,000 คนเลยทีเยว การจัดแสดงดอกไม้ไฟนั้นจะสอดคล้องไปกับเพลง ซึ่งจะทำให้ได้รับความสุนทรีย์มากขึ้นไปอีกในระหว่างการรับชม ถือว่าเป็นงานอีเวนท์ที่ไม่ควรพลาดอีกงานเลยทีเดียว ข้อแนะนำ สถานที่ * หากต้องการจะนั่งที่สแตนใหญ่ คุณจะต้องซื้อตั๋วจากเว็บไซต์ของงานก่อน และอย่าลืมว่าตั๋วนั้นขายในระยะเวลาที่จำกัด การจราจร เนื่องจากมีผู้คนจำนวนมากเดินทางมาดูงานดอกไม้ไฟที่นี่ เราจึงแนะนำให้คุณเดินทางร่วมกับคณะทัวร์ เพราะว่าการจราจรจะติดขัดมาก หากคุณอยากได้ข้อมูลเพิ่มอีกเกียวกับงานนี้ คุณสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บเพจของ TripAdvisor™

ashnaวัฒนธรรม(Culture)

เที่ยวบ่อน้ำพุร้อน Aizu Onsen Ryokan

เขต ไอซุ ตั้งอยู่ในจังหวัดฟุคุชิมะ เป็นหนึ่งในสถานที่ที่เหมาะแก่การชมซากุระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสวนซุรุกาโจ คนส่วนมากที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคิตะวันออกล้วนเคยมาที่สวนแห่งนี้โดยการทัศนศึกษาเป็นส่วนใหญ่ น่าเสียดายที่ภูมิภาคนี้ยังไม่ค่อยเป็นที่น่าสนใจของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินักเท่าไร ฟุคุชิมะนับเป็นเมืองที่มีออนเซ็นมากที่สุดถ้าเทียบกับเมืองอื่นๆอีกหกเมือง ที่เมืองนี้มีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องของ ร้านค้าสไตล์ญี่ปุ่น ออนเซ็น เรียวกัง สาเก และหิมะในช่วงฤดูหนาว ในการเดินทางครั้งนี้เราแวะมาที่ Higashi-Yama Onsen และพักที่โรงแรม Ashina ที่โรงแรมแห่งนี้ทุกคนได้การรับต้อนรับเป็นอย่างดี เมื่อคุณมาถึง คุณจะสัมผัสได้ถึงการต้อนรับและบริการที่อบอุ่นของพนักงานโรงแรม พนักงานที่นี่จะให้การช่วยเหลือในเรื่องของการเช็คอิน อีกทั้งยังมีชาร้อนๆมาเสริฟให้อีกด้วย ซึ่งในขณะนี้พนักงานทุกคนกำลังถูกฝึกให้สื่อสารกับนักท่องเที่ยวในภษาอังกฤษ คุณอากิ นัมบุ ผู้ซึ่งเป้นผู้สืบทอดกิจการในอนาคตกำลังพัฒนาปรับปรุงโรงแรมเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะมาพักในอนาคต รวมถึงจะเพิ่มระบบ wifi โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอีกด้วย บ่อน้ำพุร้อน บ่อน้ำร้อนในโรงแรม Ashina นั้นมีการเปลี่ยนน้ำใหม่อยู่ตลอดเวล ซึ่งบ่อน้ำร้อนแห่งนี้เปิดให้บริการเป็นเวลา 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว นับว่าหายากมากสำหรับบริการนี้ นอกจากนี้ภายในบ่อน้ำร้อนยังมีบ่อให้เลือกได้สองแบบคือ บ่อกลางแจ้ง และบ่อในร่ม อาหาร การมาเที่ยวที่ Ashina onsen ในครั้งนี้ทำให้รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายบรรยากาศแบบญี่ปุ่นได้อย่างแท้จริง อาหารที่โรงแรมนี้ถูกเตรียมอย่างพิถีพิถัน และทุกคนก็ดื่มเหล้าสาเกด้วยกันอย่างครึกครื้น อาหารพื้นบ้านที่ขึ้นชื่อของ ไอซุ คือ เนื้อม้าซึ่งอาจจะดูแปลกสำหรับชาวต่างชาติ แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าที่จะลอง ภาพรวม…