CATEGORY เคล็ดลับ(Tips)

seishun18เคล็ดลับ(Tips)

ตั๋วเซ็นชุน 18 – สะดวกสะบายและราคาย่อมเยาว์

เมื่อคุณเดินทางในญี่ปุ่นค่าโดยสารรถไฟนั้นอาจจะสูงเกินไปและทำให้คุณไม่มีโอกาสไปยังสถานที่ที่ไกลออกไป คุณอาจจะใช้รถไฟชินคันเซ็นเพื่อการเดินทางแต่ว่านั่นก็ค่อนข้างจะมีราคาแพง วันนี้เราจะมาแนะนำตั๋วรถไฟที่ราคาย่อมเยาหรือที่เรียกว่า “ตั๋ววัยรุ่น” อะไรคือตั๋ววัยรุ่น? ตั๋ววัยรุ่นคือตั๋วรถไฟที่สามารถใช้กัยรถไฟได้ทุกสายเป็นเวลาทั้งหมด 5 วันเต็ม โดยมีราคาแค่ 11,850 เยนเท่านั้น หากคิดเป็นวันแล้วล่ะก็มีราคาแค่ 2370 เยน ตั๋วใบนี้นั้นจะถูกแบ่งออกเป็นสามช่วงเวลา คือ 1 มีนาคมถึง 10 เมษายน, 20 กรกฎาคม ถึง 10 กันยายน, 10 ธันวาคม ถึง 10 มคุณยังเข้าออกสถานีกี่ สรุป หากคุณต้องการเดินทางไปไหนไกล ๆ แล้วล่ะก็ลองใช้ตั๋ววัยรุ่นดูสิ คุณสามารถไปยังสถานที่ท่องเที่ยวได้มากเท่าที่คุณอยากไปเลยล่ะ รายละเอียดของตั๋ว:https://www.jreast.co.jp/tickets/info.aspx?GoodsCd=2234

レゲパンอาหาร(Food)

เร็กเก้กับเซนได??

ที่เมืองเซนได คุณสามารถได้ยิรคนกล่าวถึงบางอย่างที่เรียกว่า Reggae Punch มันไม่ใช่เพลงหรือท่าเต้น แต่มันคือเหล้าชนิดหนึ่งของเมืองเซนไดนั่นเอง Reggae Punch คืออะไร Reggae Punch ประกอบไปด้วย น้ำแข็ง เหล้าพีช 1 ส่วน และชาอู่หลง 4 ส่วน ทุกอย่างถูกผสมรวมกันจนออกมาเป็นเครื่องดื่มสุดพิเศษ ตกแต่งด้วย มิ้นท์ และเลมอนเล็กน้อย โดยมากจะพบเมนูได้ตามบาร์หรูๆภายในเมือง ต้นกำเนิด “Reggae Punch” ถือกำเนิดในแหล่งท่องเที่ยวยามกลางคืนในเมืองเซนไดซึ่งคือย่าน โคคุบุนโจ ซึ่งเมนูนี้ถูกคิดค้นโดยบาร์เทนเดอร์ที่ทำให้เหล่าลูกค้าที่คอไม่แข็งพึงพอใจ โดยแรกเริ่มเครื่องดื่มนี้มีชื่อเรียกว่า พีชอู่หลง แต่เนื่องจากเมื่อคนดื่มเมนูนี้ไปแล้ว จะมีท่าทางเหมือนเต้นเร็กเก้ จึงถูกเรียกว่า Reggae Punch ซึ่งหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นยังได้ตีพิมพ์ทฤษฎีนี้อีกด้วย ชนแก้ว “Reggae punch” เมื่อ 15 ปีที่แล้ว ไฮบอล (ค็อกเทล) ยังไม่เป็นที่สนใจมากนักเมื่อเทียบกับปัจจุบัน ไฮบอลเหมาะสำหรับผู้ที่ดื่มสุราไม่เก่ง ช่วงประมาณปี 2000 ยอดการบริโภคเหล้าพีชสูงขึ้นจึงทำให้การการบริโภค Reggae Punch สูงขึ้นตามไปด้วย สรุป…

牛タンอาหาร(Food)

ของขึ้นชื่อแห่งเมืองเซนได ‘ลิ้นวัว’

ของขึ้นชื่อที่สุดของเมืองเซนไดคือ ลิ้นวัว มีการบริโภคลิ้นวัวมากถึง 5000 ตันต่อปี ในบทความนี้เราจะมาเล่าถึงปรวัติของลิ้นวัวแห่งเมืองเซนไดได้ท่านได้รับทราบกัน ประวัติ ในช่วงปี 1948 ระวห่างการฟื้นฟูหลังสงครามโลกครั้งที่สอง นายชิโร่ ได้ก่อตั้งร้าน “Tasuke Gyutan” ในเมืองเซนได โดยในช่วงนี้มีร้านยากิโทริ(ไก่ย่าง) ที่กำลังฮิตกันอย่างมาก ดังนั้นนายชิโร่จึงได้ตัดสินใจทำสิ่งที่ต่างออกไป โดยคนอื่นไม่สามารถเลียนแบบได้ ซึ่งก็คือ ลิ้นวัว เอกลักษณ์ของลิ้นวัว สิ่งที่พิเศษของลิ้นวัวเซนได คือความหนา ลิ้นวัวที่พบในที่อื่นๆของญี่ปุ่นนั้นโดยมากจะบาง อย่างไรก็ตามลิ้นวัวของเซนไดจะมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์คือความเหนียวและนุ่ม อีกทั้งยังถูกหมักด้วยซอสและเกลืออย่างดีอีกด้วย วิวัฒนาการของเมนูลิ้นวัว ลิ้นวัวยังถูกนำไปประยุกต์กับเมนูอื่นอีกด้วย เช่น ซุปลิ้นวัว แกงกระหรี่ลิ้นวัว นอกจากนี้แล้วยังมีเมนูที่ทันสมัยขึ้นไปอีกก็คือ แฮมเบอร์เกอร์ลิ้นวัว ลิ้นวัวยังถือเป็นของฝากประจำเมืองเซนไดอีกด้วย สรุป เจ้าของร้านอาหารลิ้นวัวจำนวนมากพยายามที่จะพัฒนาปรับปรุงเมนูลิ้นวัวเพื่อให้เป็นที่สนใจของลูกค้ามากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเที่ยวที่เมืองเซนได Pictures:Gyutan Tasuke & Date no Gyutan

20160621_1-300x169อาหาร(Food)

ตะลุยเทศกาลเกี๊ยวซ่าที่เซนได

หลังจากงานประชุม G7 ที่ผ่านไปไม่นาน ก็มีงานเทศกาลเกี๊ยวซ่าที่หอประชุมนานาชาติของเมืองเซนได พวกเราได้ตามรอยกลิ่นที่แสนหอมของน้ำมันงาและกลิ่นข้าวที่ปนฟุ้งมากับอากาศ ในปีนี้กลุ่ม G10 หรือสมาคมเกี๊ยวซ่าได้มาจัดงานท ณ เมืองเซนได มีคนจำนวนมากถึง 30,000 คน ผู้ร่วมงานในครั้งนี้ ก็คงจะทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้นอกจากกิน กินและกิน เพราะว่ามีร้านค้าจำนวนมากทยอยทอดเกี๊ยวซ่าสดๆให้ผู้ชมงานได้ชิมกัน อีกทั้งยังมีเกี๊ยวซ่าชนิดอื่นๆจากทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่นมาให้ได้รับชมกันอีกด้วย ยังมีราเมงอีกด้วยนะ โดยปกติแล้ว เกี๊ยวซ่านั้นถือเป็นเมนูรองที่ต้องสั่งมากินคู่กับราเมง แต่ในวันนี้เกี๊ยวซ่าถือเป็นจานหลักอย่างเห็นได้ชัด ใครๆก็ชอบเกี๊ยวซ่า ยิ่งกินคู่กับเบียร์สดๆแล้วยิ่งอร่อยขึ้นไปอีก เกี๊ยวซ่าของเมืองเซนได เกี๊ยวซ่าของเมืองเซนไดจะมีเอกลักษณ์อยู่ที่แป้งที่เป็นสีเขียว มีชื่อเรียกว่า ยูกินะเกี๊ยวซ่า ซึ่งจะมีสีที่ต่างจากเกี๊ยวซ่าทั่วไป นอกจากนี้แล้วรสชาติยังไม่เหมือนอีกด้วย เพราะว่ามีส่วนผสมของผักที่ปลูกในเซนได ถึงแม้ว่าจะมีเกี๊ยวซ่าอยู่หลายสำนักในญี่ปุ่น ร้านเกี๊ยวซ่าในเซนไดก็ได้เพิ่มจำนวนขึ้นเช่นกันตั้งแต่ปี 2012 เกี๊ยวซ่าของเมืองฟุกุชิมะ ลักษณะเด่นของเกี๊ยวซ่าฟุกุชิมะคือ จะมีขั้นตอนการทอดที่แปลกออกไป โดยเกี๊ยวซ่าจะถูกย่างบนกระทะขนาดยักษ์ เกี๊ยวซ่าชนิดนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า เกี๊ยวซ่าจานร่อน กระทะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 120 เซนติเมตร สามารถทอดเกี๊ยวซ่า 650 ชิ้นได้ในครั้งเดียว ใหญ่ถึงขนาดที่ต้องใช้คน 4 คนมาช่วยกันยกกันเลยทีเดียว สรุป ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือพยายามที่จะปรับเปลี่ยนอาหารในรูปแบบเดิมๆให้ต่างออกไป เพียงแค่นำความคิดสร้างสรรค์ที่มีมาแต่งเติมให้กับอาหารที่ดูธรรมดา จนกลายเป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดา อย่างเช่น เกี๊ยวซ่าที่ได้เห็นกันในวันนี้…

4-300x169สิ่งที่น่าสนใจ(Attraction)

หน้าร้อนของโทโฮคุ: นากาชิโซเมง

โซเมง เป็นบะหมี่ที่ทำจากแป้งสาลี ต้นดำเนิดนั้นมาจากประเทศจีน ซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.3 มิลลิเมตร แต่ทว่าคนญี่ปุ่นนั้นมีวิธีการกินที่แปลก ในช่วงหน้าร้อนตั้งแต่เด็กจนถึงผ้ใหญ่เพลิดเพลินไปกับการกินโซเมงเย็น เพราะว่าสามารถทำเสร็จได้ภายในระยะเวลาอันสั้น ในครั้งนี้เราจะโฟกัสไปที่โซเมงยี่ห้อ นากาชิ โซเมงของภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คนส่วนมากจะได้ยินชื่อเสียงของนากาชิโซเมงว่ามาจากภาคตะวันตกของญี่ปุ่น แต่ยังมีพื้นที่อื่นที่ผลิตโซเมงชนิดนี้อีกเช่นกันซึ่งก็คือภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีกเช่นกัน อาทิ “Inaniwa Somen” (อาคิตะ), “Shiroishi Umen” (มิยางิ), “Tamagomen”(อิวาเตะ), “Miharu Somen” (ฟุกุชิมะ) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแบรนที่มีชื่อเสียงของ Nagashi somen ของญี่ปุ่น แต่ละแบรนก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเองรวมถึงความต่างของวัตถุดิบที่ใช้อีกด้วย รางไม้ไผ่ โดยปกติแล้วรางไม้ไผ่ถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการจัดงาน Nagashi Somen อย่างไรก็ตามรางที่ทำมาจากพลาสติกหรือกระดาษรีไซเคิลจากกล่องนม ก็ถูกนำมาใช้แทนรางไม้ไผ่เนื่องจากมีความสะดวกกว่า โซเมงบนรางน้ำ ถึงแม้งานนี้จะถูกเรียกว่า Nagashi Somen ก็ใช่ว่าจะมีแต่โซเมงที่ไหลมาบนรางน้ำ ยังมีผักชนิดอื่นๆอีกเช่น มะเขือเทศ แตงกวา กระเจี๊ยบเขียวอีกด้วย สำหรับของหวานก็จะเป็น เชอรี่ แตงโม และขนมญี่ปุ่นอื่นๆอีกเช่นกัน เนื่องจากไม่มีกฏสำหรับงานนี้ จึงทำให้สามารถส่งอาหารชนิดใดก็ได้ลงบนราง สรุป นากาชิโซเมงถือเป็นอาหารที่เหมาะกับหน้าร้อยเป็นทีสุด ทุกคนสามารถเพลิดเพลินสนุกสนานได้ในงานนี้ คุณเองก็ลองมาทานดูสิ

東北大จุดเด่น(Feature)

ชื่อเสียงอันโด่งดังของมหาวิทยาลัยโทโฮคุ

มหาวิทยาลัยโทโฮคุได้ก่อตั้งขึ้นในปี 1907 เป็นมหาลัยแห่งที่สามของประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นมหาลัยชั้นนำเลยทีเดียว ที่มหาลัยห่งนี้มีนักศึกษาชาวต่างชาติจำนวน 1600 คน เป็นมหาลัยที่ใหญ่อันดับสามของญี่ปุ่นอีกด้วย นี่คือเหตุผลสามอย่างที่ทำให้มหาลัยที่เป็นที่สนใจของนักศึกษาชาวต่างชาติ มีงานวิจัยสูง ในปี 1992 Albert Einstein ได้มาเยี่ยมชมที่มหาลัยแห่งนี้และได้กล่าวว่ามหาลัยโทโฮคุนั้นถือได้ว่าเป็นคู่แข่งของมหาลัยของเขาเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีoบุคลากรบางท่านของมหาลัยแห่งนี้ได้คว้ารางวัล Nobel อีกด้วย อาทิ ศาตราจารย์Tanaka Kouichi ได้รับรางวัลในสาขาวิทยาศาสตร์ ประวัติของมหาลัยแห่งนี้เก่าแก่มากมีบุคคลที่มีชื่อเสียงมาเยี่ยมชมมหาลัยแห่งนี้ เช่น Lu Xun, Jiang Zemin และ Einstein นี่เป็นหลักฐานอย่างหนึ่งว่ามหาลัยโทโฮคุเป็นมหาลัยที่ให้ความสำคัญกับงานวิจัยอย่างมาก ห้องวิจัยที่ดี ทุกๆปีมหาลัยแห่งนี้จะได้รับทุนการวิจัยจากรัฐบาลญี่ปุ่นเป็นจำนวน 50 ล้านเย่น ซื้อทางมหาลัยจะนำเงินส่วนนี้มาพัฒนาอาคารและสร้างสถาบันวิจัยใหม่ นอกจากนี้ยังมีคนจำนวนมากมาทำงานวิจัยที่นี่อีกด้วย เมืองเซนได เซ็นไดถือเป็นเมืองที่เหมาะแก่การศึกษาและการวิจัย เมืองนี้เป็นเมืองที่เงียบสงบและมีวิวสวยงาม ตัวมหาลัยอยู่ติดกับตัวเมืองจึงทำให้เดินทางสะดวก ที่ตัวเมืองมีร้านค้ามากมายทำให้นักศึกษาสามารถมาผ่อนคลายที่นี่ได้ นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกได้แก่ Akiu Onsen resort และ Matsushima ซึ่งยังอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเซ็นไดอีกด้วย สรุป สำหรับนักศึกษาที่สนใจอยากจะมาสัมผัสบรรยากาศของเมืองเซ็นไดและศึกษาที่นี่ พวกเรายินดีต้อนรับเสมอ ตำนาน 100 ปี,…

佐々木さん農家1วัฒนธรรม(Culture)

ทำไมข้าวที่จังหวัดมิยางิถึงอร่อย? บทสัมภาษณ์จากนักศึกษาปริญญาโทจากลอนดอน

ทุกๆปี จังหวัเมิยางิจะผลิตข้าวเป็นจำนวน 40,000 ตัน โดยมีบริษัทผู้ผลิตรายหลักได้แก่ Hitomebore, Sasanishiki และ Manamusume ข้าวตรา Hitomebore ถือได้ว่าเป็นข้าวเกรด A ที่ได้รับการยอมรับจากครัวญี่ปุ่นเป้ฯเวลา 12 ปี เคล็ดลับการประสบความสำเร็จจะได้นำมาเล่าดังต่อไปนี้ โดยจะเป็นการสัมภาษณ์บริษัทโดยนักศึกษาระดับปริญญาโทสาขาวิชาเกษตรกรรม เหตุผลที่ 1: สภาพแวดล้อมที่ดี จังหวัเมิยางิ มีชื่อเสียงในเรื่องของธรรมชาติที่สวยงาม มีแม่น้ำและลำธารมากถึง 80 แห่ง ซึ่งหมายความว่าดินที่นี่มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก เมื่อ 400 ปีที่แล้ว ผู้แกครองเมือง ท่านดาเตะ มาซามูเนะ ได้สร้างที่นาว่าเป็นจำนวนมาก จึงทำให้สามารถปลูกข้าวที่อร่อยและมีคุณภาพได้ เหตุผลที่ 2: อุณหภูมิและความชื้น การจะปลูกข้าวให้อร่อยนั้น อุณหภูมิและความชื้นถือเป็นปัจจัยสำคคัญ โดยจะต้องควบคุมให้อยู่ในระดับมาตรฐาน น้ำในแปลงนาจะถูกเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอ ภายหลังจากเก็บเกี่ยวแล้ว ข้าวจะถูกเก็บอยู่ในที่แห้งและถูกควบคุมอุณหภูมิ หลังจากนั้นจะถูกบรรจุใส่ถุงสูญญากาศ ซึ่งทั้งสามปัจจัยนี้ทำให้ผลิตข้าวที่มีคุณภาพออกมาได้ เหตุผลที่ 3: ความทุ่มเทและเอาใจใส่ พวกเราได้สัมภาษณ์คุณซาซากิ ซึ่งเป็นชาวนารุ่นที่ 10 และได้ดูแลแปลงนาเป็นเวลากว่า 100 ปีแล้ว…