จังหวัดอิวาเตะที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของโทโฮคุมีอาหารเส้นชนิดหนึ่งที่แตกต่างจากที่อื่นที่ชื่อว่า จาจาเมน ในครั้งนี้เราได้ไปเยือนร้านจาจาเมนเก่าแก่ที่มีชื่อว่า 「白龍（ไป่หลง） 「白龍」เป็นร้านที่อยู่ในเมืองโมริโอกะ ถึงแม้ในวันที่อากาศหนาวเย็นอย่างวันนี้ ก็ยังมีคนมาต่อแถวยาวอยู่ที่หน้าร้าน แสดงให้เห็นถึงความดังของร้านนี้ กว่าจะได้เข้าร้าน ก็ต้องรีบสั่งจาจาเมนในทันที หลังจากนั้นไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ เส้นอ้วนๆ สีขาวๆ แตงกว่าสีเขียวสดใส เนื้อบดสีชา สีสันสวยงามที่ตัดกันของสามอย่างนี้ ดูแล้วรู้สึกเจริญอาหารยิ่งนัก ก่อนที่จะมาลองชิมกันจริงๆ จากขอมาสรุป วิธีการกิน จาจาเมน ให้อร่อยกันนะครับ ข้อ 1：ปรุงรสตามที่ชอบ จาจาเมนแบบไม่ปรุงก็อร่อยอยู่ แล้วจะเพิ่มรสชาติโดยการเติมน้ำส้มสายชู หรือ น้ำมันรา เพิ่มก็ได้ แต่ระวังอย่าใส่เยอะเกินไปนะครับ ข้อ 2：「チータン (ชีตัน)」ก็ขาดไม่ได้นะ เหลือจาจาเมนไว้สักหน่อย แล้วทำเป็น 「チータン (ชีตัน)」กินได้ด้วย 「チータン (ชีตัน)」เป็นวิธีการกินแบบหนึ่งโดยการตีไข่ใส่เข้าไป แล้วเติมน้ำร้อน ปรุงรสด้วย เกลือ พริกไทย กินเป็นน้ำซุป หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินวิธีการกินแบบนี้นะครับ แต่จริงๆ แล้วเป็นวิธีการกินที่บูมมากของโมริโอกะเลยทีเดียว มันอร่อยจริงๆนะ ไม่กินไม่ได้แล้ว ก็จบการอธิบายไปแล้วนะครับ เมือมาถึงตอนที่กินจาจาเม็นแล้วเนี่ย จะพบกับเส้นนุ่มๆ แตงกวาสดใหม่กรุบกรอบ เนื้อบดรสหวาน ได้สนุกกับรสความอร่อยสามรูปแบบเลยทีเดียว  ถึงกับไม่สามารถหยุดคีบตะเกียบได้เลย และแน่นอน…

เป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่เจอาร์กรุ๊ปได้เสนอบริการตั๋วรถไฟที่สามารถใช้เดินทางได้ทั่วทั้งญี่ปุ่นกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางในประเทศญี่ปุ่น หากคุณกำลังวางแผนท่องเที่ยวในญี่ปุ่นอยู่ พวกเราขอแนะนำว่าคุณควรจะใช้ตั๋วประเภทนี้ พวกเราได้ทำการสรุปมาให้คุณดูกันว่าทำไมตั๋วนี้ถึงดีมากถึงมากที่สุด 1.สะดวกและประหยัด เจอาร์พาส ครอบคลุมถึงรถไฟคามเร็วสูงเกือบทั้งหมด รวมทั้งรถไฟธรรมดา และรถบัสที่ดำเนินการโดยบริษัทในเครือ หรือพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือคุณสามารถเดินทางจาก ชินฮาโกดาเตะในฮอกไกโด ไปยัง ฮิโรชิม่า โดยไม่ต้องกังวลเรื่องต้องซื้อตั๋วเพิ่มอีกเลย ซึ่งมันทำให้คุณมีเวลาสนุกไปกับทริปของคุณได้มากขึ้นและไม่ต้องเสียเวลามานั่งกังวัลเรื่องราคาของตั๋วรถไฟอีกต่อไป ประเภท กรีนคาร์ ขบวนธรรมดา จำนวนวัน ผู้ใหญ่ เด็ก ผู้ใหญ่ เด็ก 7 dวัน 38800 JPY 19440 JPY 29110 JPY 14550 JPY 14 วัน 62950 JPY 31470 JPY 46390 JPY 23190 JPY 21 วัน 81870 JPY 40390 JPY 59350 JPY 29670…

จุดเด่นของเมืองมิยากิ！ ในครั้งนี้พวกเรากับนักเรียนต่างชาติผู้ที่ไม่เคยไปเหยียบโทโฮคุเลยสักครั้งหนึ่งไปเยือน ร้านของเมืองมิยากิที่มีชื่อว่า 「宮城ふるさとプラザ」(Miyagi Furusa to Plaza) ที่ตั้งอยู่ในอิเคะบุกุโระ พวกเราได้รับการบอกเล่าเกี่ยวกับจุดเด่นของเมืองมิยากิโดยเจ้าของร้านที่มีบ้านเกิดอยู่ที่เซนได เมื่อลองดูปฏิกริยาของนักเรียนต่างชาติในขณะนั้น ก็พบว่าในมุมมองของคนที่ไม่ค่อยรู้จักจังกวัดมิยากิ จะเห็นภาพของเมืองเซนไดชัดเจนกว่าจังหวัดมิยากิ (เช่นเดียวกับ หาดใหญ่และสงขลา) เจ้าของร้านจึงช่วยแนะนำจุดเด่นของจังหวัดมิยากิ เพื่อให้คนเหล่านั้นได้รู้จักจังหวัดมิยากิมากยิ่งขึ้น １．「มิยากิแหล่งกำเหนิดลิ้นวัว」 ถ้าพูดถึงมิยากิ ก็ต้องนึกถึงเซนได ถ้าพูดถึงเซนได แน่นอนก็ต้องนึกถึงลิ้นวัว ที่ชั้นสองมีร้านลิ้นวัวเก่าแก่ที่ชื่อว่า 「伊達の牛タン」(Date no Gyutan)ถึงแม้จะไม่เดินทางไปถึงเซนได ก็สามารถลิ้มรสลิ้นวัวของแท้ที่โตเกียวได้เหมือน น้องจากนั้นยังมีขายข้าวกล่องด้วย จะซื้อกินเอง หรือเป็นของฝาก ก็ดีทั้งนั้น เนื่องจากเป็นสินค้าขายดี อย่าลืมไปลองเซ็คดูก่อนที่จะหมดนะครับ ２．มิยากิเมืองที่มีทะเล และอาหารทะเลอร่อยๆ！ เนื่องจากที่มิยากิเป็นจุดพบกันของกระแสน้ำสองสายของมหาสมุทรแปซิฟิค จึงมีตลาดปลาที่ยอดเยี่ยม อาหารทะเลที่สด อร่อย ในช่วงเวลานั้นมีปลาซันมะตากแห้ง ซึกุดะนิ(ปลาตัวเล็กแบบต้มหวาน) ให้ลองชิมกันด้วย นอกจากนั้นยังมีอาหารทะเลตามฤดูกาลเรียงรายอีกมากมาย อย่าลืมมาลองชิมกันให้ได้นะครับ 3. มิยากิเมืองที่มีภูเขา และข้าวอร่อยๆ！ ที่มิยากินยังมีข้าวสารมากมายหลากหลายยี่ห้อ ซึ่งอร่อยทุกยี่ห้อเลย ในครั้งนี้พวกเราได้เจอกับข้าวสารตรา 「ひとめぼれ」(Hitomebore) ซึ่งได้รับเหรียญทองในการประกวดข้าว อาจจะมีบางท่านพูดว่า 「ก็แน่นอนดิ นี่มันร้านของเมืองมิยากิหนิ 555」ถึงกระนั้นก็เถอะการได้เจอข้าวยี่ห้อนี้ที่โตเกียวก็รู้สึกดีใจจริงๆนะ…

เมืองมารุฌมริตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัดมิยากิ เมื่อไม่นานมานี้เทศกาลประจำปี “ เทศกาลอาหารของมารุโมริและการเกษตร” ได้ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรก ทางเราเลยได้ส่งนักเขียนของเราไปทำการสำรวจดูงานเทศกาลที่ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรกเทศกาลนี้ แกนหลักคือ อาหารและการเกษตร เมืองมารุโมริมีความภาคภูมิใจในด้านเกษตรกรรมที่เฟื่องฟูที่สืบทอดต่อกันมาเนิ่นนาน และแกนหลักของงานเทศกาลในครั้งนี้ก็คือกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้คนจากทั้งนอกเมืองและในตัวเมืองเองเข้ามาโชว์ความสามารถในเทศกาลแห่งนี้ เทศกาลนี้จะถูกจัดขึ้นทั้งหมดเป็นเวลาสองวัน ตั๋วเข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมดสองร้อยใบก็ถูกจำหน่ายออกไปจนหมดอย่างรวดเร็ว ผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกคนพร้อมที่จะแสดงความสามารถส่วนตัวออกมาให้เต็มที่ การแข่งทำอาหาร กิจกรรมหลักก็หนีไม่พ้นการแข่งขันการทำอาหาร ซึ่งมีผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 46 คน อาหารแต่ล่ะจานที่ถูกทำขึ้นมานั้นรสชาติดีเยี่ยม ตัวผมนั้นได้ลองชิมอาหารที่แปลกใหม่ไปหลายจาน ผู้เข้าแข่งขันส่วนใหญ่นั้นเป็นแม่บ้าน คนหนุ่มสาว และ เด็กนักเรียนมัธยมปลาย แต่อาหารที่ทำออกมานั้นช่างอร่อยมากจริง ๆ เท-ชู มินิไลฟ์                  การแสดงสดของศิลปินชื่อดังแห่งเมืองมารุโมรินามเทชูได้ถูกจัดขึ้นพร้อมกับคลาสทำอาหาร เสียงเพลงอันไพเราะที่มาพร้อมกับอาหารรสเยี่ยมจาก มาเรีย-จูนั้นเป็นการผสมผสานกันที่ยอดเยี่ยมทีเดียว นอกขากนี้นักร้องนำของวงเท-ชูยังได้เข้าร่วมการแข่งขันทำอาหารอีกด้วย ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ อีกมาก                       มันเป้นงานที่ดีมากซะจนผมไม่รู้สึกเหนื่อยเลยแม้ผมจะเดินไปเดินมาทั้งวัน การได้ชิมรสชาติของอาหารใหม่ ๆเป็นอะไรที่สนุกสนานเป็นอย่างมาก วันนี้พวกเราได้นำเว็บไซต์ที่คุณสามารถเข้าไปรับชมเพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับงานนี้ได้มากขึ้น สถานีในชนบท สถานีรถยาชิมายะ อะการาอิน ดาเตะยะ ไดโฉ…

วันนี้พวกเราจะมาพูดถึงววิธีทำ “สเคชชี่อุด้ง” จากยามากาตะ เส้นอุด้งได้ชื่อนี้มาจากวิธีการรับประทานที่ต้องคีบเส้นขึ้นมาจากหม้อที่ใช้ทำเลย ในแต่ละภูมิภาคของญี่ปุ่นก็มีวิธีการทำเส้นอุด้งนี้แตกต่างกัน ทำอย่างไร? วัตถุดิบ เส้นอุด้ง นัตโตะ (ถั่วหมักของญี่ปุ่น) ซอสถั่วเหลือง เส้นอุด้งส่วนใหญ่มักจะเป็นเส้นอุด้งแบบสำเร็จรูปที่เรานำมาใช้ได้เลย แต่หากคุณไม่มีร้านที่ขายองจากเอเชีย คุณสามารถทำเส้นอุด้งของคุณเองได้ ลิ้งต่อไปนี้เป็นสูตรเส้นอุด้งที่พวกเราชอบมากและอยากขอแนะนำหากคุณต้องการทำเส้นอุด้งด้วยตัวเอง http://www.justonecookbook.com/udon-noodles/ ขั้นแรก ต้มน้ำให้ท่วมเส้นอุด้งที่อยู่ในหม้อ เมื่อเส้นอุด้งเริ่มเดือดให้ใส่นัตโตะลงไปในถ้วยและผสมกับซอสถั่วเหลือง จุ่มเส้นอุด้งลงไปในซอสที่ผสมกับนัตโตะเรียบร้อยแล้ว เท่านี้คุณก็พร้อมที่จะรับประทานแล้ว

ทะเลสาบโทวาดะตั้งอยู่ระหว่างจังหวัดอะคิตะและอาโอโมริ ทะสาบโทวาดะเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะฮอนชู โดยมีความลึกที่ 325 เมตร รอกจากความสวยที่ทำให้ลืมหายใจแล้วนั้นบริเวณทะเลสาบยังสามารถทำกิจกรรมเช่นการพายเรือคายัค พวกเราส่งนักเขียนของเราไปลองสัมผัสกับการพายเรือคายัคแล้วมาเราให้พวกเราฟังกันในวันนี้ เรือคายัค ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญสำหรับกิจกรรมนี้เพราะฉะนั้นเสื้อชูชีพจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้และยังมีครูผู้ฝึกสอนที่คอยสอนนักท่องเที่ยวให้พายเรือคายัคอย่างถูกต้อง ซึ่งพวกเขาก็พูดภาษาอังกฤษได้ด้วย ง่ายสำหรับผู้เริ่มต้น สิ่งที่พวกเรากังวลมากที่สุดก็คือกลัวมาเรือคายัคนั้นจะคว่ำ แต่โชคดีที่ทะเลสาบนั้นค่อนข้างสงบ พวกเราจึงไม่ต้องกลัวว่าจะถูกคลื่นซัดจนเรือล่ม กิจกรรมพายเรือคายัคนั้นมีหลายเส้นทางให้เลือก มีตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงหรือสามชั่วโมง แม้กระทั่งใช้บริการตลอดทั้งวันก็มีให้เลือกเช่นกัน ข้อมูล １ชม.：3000 เยน ($26 เหรียญ) ３ชม：5000 เยน ($44 เหรียญ) ตลอดวัน：7000 เยน ($62 เหรียญ) *รวมค่าเช่าอุปกรณ์ทั้งหมดแล้ว จองได้ที่นี่ Reservations Here

ในญี่ปุ่นนั้นเราพูดกันว่าวันที่ 29 สิงหาคมนั้นเป็นวันแห่งเนื้อย่าง ซึ่งวันนี้ผมก็จะมานำเสนอร้านอาหารชื่อ บาลีบาลี ที่ตั้งอยู่ในเซ็นได พนักงานได้พาพวกเรามาที่ห้องอาหารด้วยความสุภาพ เมื่อเราเข้าไปในห้องก็พบว่าอาหารของพวกเราได้ถูกเตรียมไว้แล้ว พวกเราได้สั่งอาหารที่เป็นคอร์ส สิ่งแรกที่มาเสิร์ฟก็คือเครื่องดื่มกับอาหารเรียกน้ำย่อย หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยสลัด สาหร่ายเกาหลี และกิมจิ ถัดมาก็เป็นอาหารจานหลัก ก็คือเมนูเนื้อ จานแรกก็คือเนื้อด้านบนของลิ้นวัว สำหรับร้านแห่งนี้จะมีวิธีการกินที่ทางร้านแนะนำอยู่ก็คือเพิ่มพริกไทยเข้าไปสักหน่อย ต่อไปคือเนื้อเราส์และสแปร์ริบ เมื่อกินกับวาซาบินั้นก็อร่อยสาก รสชาติละมุนลิ้นและมีความหวานที่พอเหมาะ ต่อไปคือเนื้อติดมัน ตอนนี้ถึงเวลาของแอลกฮอล์แล้ว ซึงก็ทำให้มึน ๆ ไปเหมอนกัน ตอนท้ายของคอร์ส คุณสามารถเลือกได้ว่าจะรับเรย์เม็ง คารุบิเม็ง หรือคารุบิคัปปะเป็นอาหารล้างปาก ซึ่งผมก็เลือกที่จะทานเรย์เม็ง ซึ่งคุณก็สามารถเลือกเครื่องเทศได้ตามความชอบของตัวเอง โกชิโซวซามะเดสึ หรือก็คือขอบคุณสำหรับอาหารสุดมหัศจรรย์มื้อนี้ที่มาจากชีวิตของสัตว์ทั้งหลายที่สละชีวิตเพื่อมาเป็นอาหารของพวกเราในมื้อนี้ ราคาทั้งหมดของอาหารคอร์สนี้ตกที่ 5000 เยนซึ่งรวมกับเครื่องดื่มไม่อั้นด้วยแล้วก็ถือว่าไม่แพงเลย Google map

ญี่เป็นเป็นที่รู้จักกันอย่างดีว่าเป็นดินแดนมหัศจรรย์สำหรับขากินทั้งหลาย เพราะญี่ปุ่นนั้นได้นำไอเดียของต่างชาติและอาหารแบบดั้งเดิมของตนเข้ามาหลอมรวมกัน นอกจากนี้ที่ญี่ปุ่นก็ยังโด่งดังในเรื่องคุณภาพของเนื้อ เช่นเนื้อวัวโกเบ และความหลากหลายของเมนู เช่น เมนูลิ้นวัว เนไดนั้นโด่งดังในเรื่องของลิ้นวัวและเป็นถิ่นกำเนิดของเนื้อชั้นดี “เซ็นไดกิว” เซ็นไดกิวคืออะไร เซ็นไดกิวคือเนื้อระดัยสูงสุดที่จายในประเทศญี่ปุ่นและเพาะพันธุ์ได้เฉพาะคนที่มีใบอนุญาติเท่านั้น ซึ่งมันก็มีราคาสูงมากเพื่อแลกมากับคุณภาพระดับนี้ ที่ดาเตะนารินั้นพวกเขาได้นำเสนอเมนูในชื่อ แบล็คดาเตะ ซึ่งก็หมายความว่าพวกเราสามารถลิ้มลองอาหาร “เซ็นไดกิว” ได้ที่ร้านอาหารแห่งนี้ ร้านอาหารแห่งนี้ค่อนข้างมีระดับและมีบรรยากาศอันสงบโดยมีเสียงเพลงคลอเพื่อเพิ่มบรรยากาศ ผู้ที่มายังร้านแห่งนี้สสามารถตั้งหน้าตั้งตารอได้เลยว่าความฝันของคุณจะเป็นจริง เพราะดาเตะกิวได้นำเนื้อวัวหลากชนิดมาเสิร์ฟถึงโต๊ะของคุณ และยังไม่ได้จำกัดอยู่ที่เนื้อวัวเท่านั้น คุณยังสามารถเลือกทานหมูคุณภาพเยี่ยมของทานร้านได้เช่นกัน ถึงแม้พวกเราชาวโทโฮคุ 365 นั้นไม่อาจอธิบายให้แก่ขากินทั้งหลายด้ดีพอ พวกเราขอใช้ภาพเหล่านี้บรรยายความรู้สึกของพวกเราแทนจะดีกว่า อย่างที่พวกเราได้บอกไปแล้วว่าร้านนี้นั้นค่อนข้างมีระดับเพราะฉะนั้นราคาก็ไต่ระดับตามขึ้นไปด้วน แต่หากคุณอยากทานอาหารเยี่ยงราชาหรือราชินีแล้วและมีสตางคืเหลืออยู่ในกระเป๋า พวกเราขอแนะนำให้คุณใส่เสื้อผ้าตัวเก่งแล้วมุ่งหน้าไปยังดาเตะนาริสำหรับอาหารค่ำสุดหรู แต่อย่าลืมโทรไปจองก่อนล่ะ อาหารคอร์สที่โชว์อยู่ข้างบนนั้นรวมสนนราคาทั้งหมด 10000 เยน (90.65 เหรียญ) แต่ก็มีคอร์สราคา 6000 เยน (54 เหรียญ) สำหรับลูกค้าที่ไม่อยากมากินอาหารที่แพงมากนักเช่นกัน สรุป ดาเตะนารินั้นเป็นร้านอาหารสุดหรูกับเนื้อเกรดพรี่เมี่ยมพร้อมกับบรรยากาศที่เข้ากัน ครั้งหน้าที่คุณเดินทางมายังเซ็นได ลองมาชิมเนื้อวัวที่หาทานได้ยากและอร่อยจนไม่อาจลืมสักครั้งสิ Date Nari (Japanese) เวลาทำการ： 17:00～23:00 (*สำหรับลูกค้าที่จองล่วงหน้า) วันหยุด： ไม่มีวันหยุด โทรศัพย์： 022-299-5106

ญี่ปุ่นชอบอาหารทะเลมาก มากถึงมากที่สุด แต่สำหรับนักท่อเที่ยวแล้วอาจจะยากไปสักหน่อยหากต้องการจะสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวเอง แต่ที่นี่ ทางตอนเหนือของจจังหวัดอาโอโมริ มีร้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า “โฮตาเตะ โกะยะ” (กระท่อมหอย) ซึ่งทางร้านเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวลองทำการตกหอยแครงได้ กระท่อม โฮตะเตะ ร้านแห่งนี้อยู่ห่างจากสถานีอาโอโมริไปแค่ 3 นาทีเท่านั้น คอยมองป้ายบอกทางไว้ล่ะ หาไม่อยากเลย การตกหอยแครงนั้นไม่ได้ยากอย่างการตกปลาหรือสัตว์ทะเลอย่างอื่นเลย เพราะหอยแครงนั้นไม่ค่อยขยับไปมาเท่าไรนัก แต่ก็ถือว่าเป็นประสบการณืที่น่าสนใจอยู่ดี Fishing scallops, isn’t as difficult as fishings their fellow lively sea creatures is as scallops don’t move particularly much. But the experience is still very interesting! หลังจากฟังคำอธิบายจากพนักงานของทางร้านเสร็จแล้ว ลูกค้าก็สามารถตกหอยแครงได้ตามใจชอบ มากเท่าไรก็ได้แล้วแต่หัวใจปรารถนา แต่ว่าแค่สามน่าทีเท่านั้นนะ! สำหรับคนที่ไม่ค่อยมั่นใจในฝีมือการตกของตัวเองเท่าไรก็ไม่ต้องเป็นห่วงไป ทางร้านมีรางวัลปลอบใจให้ สองตัว…

เมืองคิตาคาตะในจังหวัดฟุคุชิม่าเป็นจุดเริ่มต้นของคิตาคาตะราเม็งและมันก็เป็นราเม็งหลักของประเทศญี่ปุ่น เคียงคู่กับซัปโปโรราเม็ง ฮะคาตะราเม็ง ครั้งงนี้ผมได้เดินทางไปยังเมืองคิตาคาตะเพื่อไปสัมผัสกับคิตาคาตะราเม็งจากแหล่งกำเนิด 「เครื่อง」 คิตาคาตะราเม็งมีรสซอสถั่วเหลืองที่ไม่เข้มเท่าไรนัก เมื่อรวมกับกระดูกหมู ไก่และอาหารทะเลทำให้เกิดรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละร้าน และเส้นของมันก็มีความหนาเพราะใช้เส้น “ทาคาซุอิ” ในการทำซึ่งคุณจะสามารถสัมผัสกับความละมุนของเส้นได้อย่างดี 「คิตาคาตะราเม็ง: ไรมุ」 ผมได้เดินทางไปยัง “ไรมุ” ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีร้านราเม็งถึงหกร้านด้วยกัน เมื่อผมเดินทางไปถึงก็เลยเวลาเที่ยงไปแล้วและในร้านก็เต็มไปด้วยลูกค้า เมนูแรกก็คือคิตาคาตะราเม็งโป๊ะหน้าด้วยเนื้อหมูย่างสไลด์เป็นแผ่นบาง ๆ ผมได้สั่งคิตาคาตะราเม็งโป๊ะหน้าด้วยหมูย่างในราคา 860 เยน น้ำซุปกับเส้นของมันนั้นผสมกันได้อย่างลงตัว ทำให้เกิดความอร่อยนี้ขึ้นมา หมูย่างสไลด์นั้นนุ่มาก ๆ ถึงกับละลายในปาก ซึ่งหมูนี้นั้นได้หมักนานถึงสามวันทำให้รสชาติของมันเข้มข้นเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ผมยังได้สั่งเกี๋ยวซ่าในราคา 300 เยน ซึ่งมันก็ฉุ่มฉ่ำและอร่อยมาก ๆ เช่นกัน สรุป เมื่อคุณเดินทางมายังภูมิภา๕โทโฮคุ อย่าลืมมาลองคิตาคาตะราเม็งกันล่ะ รามุเป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่ ณ ไอซึวาคามัตสึ และ โควริยามะ จังหวัดฟุคุชิม่า

ในปี ค.ศ. 135 ศาลเจ้าอะซะคุนิสึโคะถู฿กสร้างขึ้นในกลางจังหวัดฟุคุชิม่าเพื่อความสงบสุขและการเจริญงอกงามของพืชผล มาล้างมือที่ “โฉซุชะ” ๖สร้างขึ้นมาสำหรับล้างมือและบ้วนปาก ก่อนจะเข้าไปยังตัวศาลเจ้า ศาลเจ้าอะซะคุนิสึโคะตั้งอยู่ใจกลางเมือง และสามารถเดินไปได้ โดยใช้เวลาแปดนาทีจากสถานีโควริยะมะ ถึงแม้จะตั้งอยู่ใจกลางเมืองแต่เมื่อคุณก้าวเท้าเข้าไปยังบริเวณศาลเจ้าแล้วคุณจะรู้สึกว่าเวลาและบรรยากาศโดยรอบนั้นเป็นบรรยากาศของศาลเจ้าโดยเฉพาะ นอกจากนั้นคุณยังไม่รู้สึกว่าบรรยากาศที่นี่มันหนักอึ้งเหมือนบรรยากาศในตัวเมือง แต่คุณจะสามารถรู้สึกได้ถึงความขลังองตัวศาลเจ้า คุณสามารถได้ยินเสียงลมพัดผ่านและใบไม้ที่ร่วงหล่นตามสายลม ศาลเจ้านี้นั้นมีผลกระทบต่อวัฒนธรรม ประวัติสาสตร์ และความสง่างาม คุณสามารถสัมผัสได้ถึงคลื่นความศักดิสิทธิที่แผ่ออกมาจากศาลเจ้าแห่งนี้ ผมขอแนะนำให้คุณไปยังศาลเจ้าแห่งนี้ ศาลเจ้าสร้างจากไม้ชาดด้วยเทคนิคพิเศษของช่างที่มีความเชี่ยวชาญในการสร้างวัดโดยเฉพาะ มีโครงสร้างหลายอย่างที่น่าสนใจที่ศาลเจ้าแห่งนี้ ในปี 1910 สถานที่นี้ถูกสร้างงขึ้นและสามารถชมเทศกาลใบไม้ร่วงได้ในเดือนกันยายน วันที่ 28,29 ในส่วนของู้เขียนนั้น ถึงแม้จะอยู่ญี่ปุ่นมามากกว่ายี่สิบปีแล้วก็ยังไม่เคยเห็นอาคารแบบนี้มาก่อน ในศาลเจ้าแห่งนี้มีประตูที่เห็นอย่างรูปข้างบนมากมาย ซึ่งเป็นการสักการะเทพเจ้าแห่งการเพาะปลูก อาหาร และการค้าขาย สรุป ศาลเจ้าแห่งนี้สามาถเดินทางไปได้ง่ายมากแล้วบรรยากาศก็ดีมากอีกด้วย เชิญรื่นรมย์ไปกับบรรยากาศศักดิสิทธิที่ศาลเจ้าอะซะคุนิสึโคะให้เต็มที่

เมือง “ซาโอ้” ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดมิยากิและมีทิวทัศน์ที่งดงามของภูเขาซาโอ้และบรรยากาศของชนบทที่งดงาม ในช่วงฤดูหนาวนั้นเมืองแห่งนี้เป็นที่รู้จักเป็นอย่างมาก เพราะเมืองแห่งนี้มี ปีศาจหิมะแห่งภูเขาซาโอ้ ซึ่งปีศาจหิมะนั้นก็คือต้นสนที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะหนาเตอะจนมีรูปร่างคล้ายกับปีศาจ พวกเราจึงตัดสินใจที่จะไหปเยือนเมืองแห่งนี้สักครั้ง ทำโคเคชิ หลังจากพวกเราไปถึงตัวเมืองแล้วเราตัดสินใจที่จะเริ่มการเดินทางด้วยการทำ โคเคชิ (ตุ๊กตาไม้พื้นเมิองของประเทศญี่ปุ่น) และพวกเราก็มาถึง “ตึกมิยากิโคเคชิ” ณ ที่แห่งนี้นักท่องเที่ยวสามารถสีมผัสกับประสบการณ์ลงสีโคเคชิด้วยตนเอง คุราโอ ไดรี่ ฟาร์มมิ่ง เซ็นเตอร์ หลังจากเราเสร็จสิ้นภารกิจกับโคเคชิแล้วพวกเราตัดสินใจไปยังคุราโอ ไดรี่ ฟาร์มมิ่ง เซ็นเตอร์ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับการสร้างชีสและเนยแล้วยังสามารถลองทำชีสและเนยด้วยตัวเองอีกด้วย พวกเราตัดสินใจที่จะลองทำเนยของด้วยตัวเอง ซึ่งคุณก็สามารถเห็นผลิตผลจากหยาดเหงื่อของพวกเราได้ในรูป… หมู่บ้านจิ้งจอก – ชิโรอิชิ พวกเราได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับหมู่บ้านจิ้งจอกไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่พวกเราก็อดไม่ได้ที่จะกลับไปหาเจ้าตัวน้อยขนฟูอีกครั้ง ครั้งนี้พวกเราจะไม่สามารถไปทุกที่ที่น่าสนใจได้ เนื่องจากเพราะมันมีเยอะเกินไป หากคุณตัดสินใจเดินทางมาแถวนี้แล้วล่ะก็อย่าลืมแวะมายังซาโอ้ รับรองว่าคุณจะต้องรู้สึกว่าตัดสินใจไม่ผิดที่มาที่นี่

พวกคุณคงรู้อยู่แล้วว่าพวกเรา ชาวโทโฮคุ365 ค่อนข้างอ่อนแอเกี่ยวกับอาหารอร่อย ๆ เมื่อเราได้ยินว่ามีร้านอาหารที่ดังกับอาหารชื่อ “ฮะระโคะเมชิ” ตั้งอยู่ในทางใต้ของมิยากิ พวกเราจึงตัดสินใจที่จะไปดูด้วยตัวเอง ฮะระโคะเมชิคืออะไร? ฮะระโคะเมชิคืออาหารพื้นเมืองในแถบที่ติดทะเล แม้มันจะไม่ดังเท่ากับอาหารขึ้นชื่ออื่น ๆ ของญี่ปุ่น แต่คุณมักจะเห็นมันอยุ่บนเมนูหากคุณไปยังร้านอาหารทะเล อาหารจานนี้เป็นจานในฝันของของคนรักแซลมอน เพราะมันประกอบไปด้วยข้าวสวยกับเนื้อปลาแซลมอนและไข่แซลมอน ในภูมิภาคโทโฮคุตามสถานีรถไฟก็เริ่มจะมีอาหารจานนี้ขายในรูปแบบของอาหารกล่อง รับประทานอาหารกลางวันราวกับพวกเราเป็นชาวประมง พวกเราไปร้านอาหารชื่อดัง “ไคเซนไทไค” ซึ่งเปิดโดยเหล่าชาวประมงจาก “ไทไคมะรู” สมาคมตกปลาเพื่อการกีฬา ร้านอาหารแห่งนี้ดังมากสังเกตได้จากร้านจอดรถที่เต็มทุกช่อง นอกจากฮะระโคะเมะชิแล้วร้านแห่งนี้ก็ยังมีอาหารท่ะเลอื่น ๆ ให้คุณได้เลือกรับประทานอีกด้วย เกือบลืมซะแล้วว่าพวกเรามาที่นี่ทำไม เมื่อพวกเรานึกถึงเป้าหมายของเราได้เราก็รีบสั่งฮะระโคะเมชิทันที อาหารทั้งหมดนี้ราคาแค่ 1200 เยนเท่านั้น (11.64 ดอลล่าร์) รวมทั้งเครื่องเคียงและมิโซะซุป สรุป หากคุณมายังจังหวัดมิยากิหรือมายังโทโฮคุ ห้ามพลาดจะลองชิม “ฮะระโคะเมะชิ” อาหารพื้นเมืองที่เต็มไปด้วยรสชาติจากท้องทะเล Kaizentaikai Restaurant Website (Japanese)  

ถ้าคุณเคยนั่งรถไฟความเร็วสูงของญี่ปุ่นแล้วล่ะก็คุณคงรู้ว่ารถไฟเหล่านี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย แถมยังเชื่อถือได้ และยังสะดวกสะบายอีกด้วย และหากคุณขึ้นจากสถานีใหญ่แล้วล่ะก็คุณคงเคยเห็น “เอกิเบ็น” หรือข้าวกล่องสูตรพิเศษที่ซื้อได้แค่บางสถานีเท่านั้น มาบ้าง เพราะพวกเราโทโฮคุ365 ชอบรถไฟและอาหารมาก ๆ พวกเราจึงตัดสินใจนั่งชินคันเซ็นสายโทโฮคุและลองเอกิเบ็นแสนอร่อยที่ซื้อได้ที่นี่เท่านั้น อะโอบะเทย์ เบอร์เกอร์ลิ้นวัว เมื่อพวกเราขึ้นจากสถานีเซ็นไดซึ่งเป็นสถานีใหญ่ เพราะฉะนั้นก็ย่อมมีเอกิเบ็นลิ้นวัวที่เป็นของขึ่นชื่อของเมืองเซ็นไดขายแน่นอน นี่เป็นอาหารประจำท้องถิ่นของเซ็นไดที่เอามาประยุกต์ใช้เป็นไส้ของเบอร์เกอร์เพื่อให้สะดวกแก่การรับประทานบนรถไฟที่ผู้เดินทางต้องการความรวดเร็ว เจ้าหน้าที่พร้อมจะอุ่นให้คุณหากคุณแจ้งความต้องการด้วยความสุภาพ นิคุซูชินั้นสุดยอด “นิคุซูชิ” หรือซูชิเนื้อนั้นเป็นอีกหนึ่งเมนูเอกืเบ็นพิเศษที่ทำจากลิ้นวัวปรุงโดยพ่อครัวจากร้านอะโอะบะเทย์ ซึ่งเป็นอาหารที่ประยุกต์จากอาหารแบบกั้งเดิม พรีเมี่ยมซุนดะ – ทะมะซะวะ-โซวฮนเทน หลังจากรับประทานของคราวไปแล้วก็ถึงเวลาของหวานตบท้าย แน่นอนว่าเซ็นไดก็มีของหวานขึ้นชื่อเหมือนกันนั่นก็คือ “ซุนดะ” หรือถั่วแระ บนรถไฟชินคันเซ็นมีของสุดพิเศษนั่นก็คือไอศกรีม ทะมะซะวะ-โซวฮนเทน ที่กัดได้เต็มปากเต็มคำ สุดแสนจะอร่อย และเหมาะแก่การปิดท้ายเอกิเบ็นอย่างไม่มีที่ติ ครั้งต่อไปที่คุณมีโอกาสได้ขึ้นรถไฟชินคันเซ็นแล้วพบว่ากำลังท้องว่างอยู่ล่ะก็ ลองมองหาเอกิเบ็นที่มีขายเฉพาะสถานีนั้น ๆ ดูสิ วันนี้พวกเราเลือกทานกันไปแค่สามเมนูเท่านั้น แต่ในโลกของเอกิเบ็นนั้นยังมีเมนูอีกมากมายรอให้พวกคุณค้นพบอยู่นะ

เมื่อคุณเดินทางในญี่ปุ่นค่าโดยสารรถไฟนั้นอาจจะสูงเกินไปและทำให้คุณไม่มีโอกาสไปยังสถานที่ที่ไกลออกไป คุณอาจจะใช้รถไฟชินคันเซ็นเพื่อการเดินทางแต่ว่านั่นก็ค่อนข้างจะมีราคาแพง วันนี้เราจะมาแนะนำตั๋วรถไฟที่ราคาย่อมเยาหรือที่เรียกว่า “ตั๋ววัยรุ่น” อะไรคือตั๋ววัยรุ่น? ตั๋ววัยรุ่นคือตั๋วรถไฟที่สามารถใช้กัยรถไฟได้ทุกสายเป็นเวลาทั้งหมด 5 วันเต็ม โดยมีราคาแค่ 11,850 เยนเท่านั้น หากคิดเป็นวันแล้วล่ะก็มีราคาแค่ 2370 เยน ตั๋วใบนี้นั้นจะถูกแบ่งออกเป็นสามช่วงเวลา คือ 1 มีนาคมถึง 10 เมษายน, 20 กรกฎาคม ถึง 10 กันยายน, 10 ธันวาคม ถึง 10 มคุณยังเข้าออกสถานีกี่ สรุป หากคุณต้องการเดินทางไปไหนไกล ๆ แล้วล่ะก็ลองใช้ตั๋ววัยรุ่นดูสิ คุณสามารถไปยังสถานที่ท่องเที่ยวได้มากเท่าที่คุณอยากไปเลยล่ะ รายละเอียดของตั๋ว：https://www.jreast.co.jp/tickets/info.aspx?GoodsCd=2234

วันนี้สถานที่สุดท้ายที่เราจะพาชมบนถนนแห่งมังงะนั้นคือ “อิชิโนะ โมริ มังงะ มิวเซียม” พิพิธภัณฑ์การ์ตูนแห่งนี้นั้นแสดงผลงานของนักเขียนการ์ตูนชื่อดังอย่าง อิชิโนะโมริ โชวทาโร่ และยังนำเสนอภาพของนักเขียน ผลงานต่าง ๆ อีกมากมาย สำหรับคอการ์ตูนแล้วเป็นสถานที่ที่พลาดไม่ได้เลย รูปร่างของตัวอาคารนั้นทำออกมาโดยเลียนแบบยานอวกาศ ลองเข้าไปดูข้างในกันเถอะ อิชิโนะโมริ โชวทาโร่ คือใครกันนะ อิชิโนะโมริ โชวทาโร่ (เกิดวันที่ 25 มกราคม ค.ศ. 1938 ในจังหวัดมิยากิ เมือง โทเมะกุนนะคาดาโฉว) เขาเป็นคนเขียนเรื่อง “”วบอร์ก 009” และ “มาส์กไรเดอร์” ที่ได้รับความนิยมจากนักอ่านหลายต่อหลายรุ่น เมื่อเขาอยู่ชั้น ม.ห้า เขาได้ส่งผลงานไปยังนิตยสารและนั่นก็ทำให้ผลงานของเขาเขาตาของ “โอสามุ เทดุคะ” และได้เป็นผู้ช่วยเขียนการ์ตูนเรื่อง “เทสึวัน อะตอมุ” หลังจากหลังเขาก็ได้มีออฟฟิศวาดการ์ตูนเป็นของตัวเองในโตเกียว, โทคิวะ-โซ” และได้กลายเป็นผู้นำของวงการการ์ตูนเคียงบ่าเคียงไหล่กับ ผู้วาดโดราเอม่อน, “เอฟ ฟุจิโอะ” 「“มือแห่งการ์ตูน” 」ที่ทางเข้า ที่ทางเข้านั้นมีรอบพิมพ์มือของ “มังกี้ พันช์”, “โทคุโอะ โยโคตะ”,…

มัตสึชิม่ามักจะถูกพูดถึงโดยนิตยสารและเว็บไซต์ท่องเที่ยวว่าเป็นหนึ่งสถานที่ที่สวยที่สุดในประเทศญี่ปุ่น มัตสึชิม่ายังได้ชื่อว่าเป็น หนึ่งในสามวิวที่ดีที่สุดอีกด้วย มัตสึชิม่าอยู่ไม่ไกลจากออฟฟิศของโทโฮคุ 365 เท่าไรนัก ผู้เขียนบทความของเรามักจะไปใช้เวลาผ่อนคลายที่นี่อยู่เสมอ ถึงแม้เราจะนำเสนอเกี่ยวกับมัตสึชิม่าไปรอบหนึ่งแล้ว แต่เราก็อดไม่ได้ที่จะกลับไปที่นี่อีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้เราเดินทางไปยัง ร้านอาหารมัตสึคาม่า เจเนอรัลออฟฟิศ ห่างจากสถานีมัตสึชิม่า-ไคคังเพียงแค่ห้านาที เตรียมพร้อมที่จะเติมกระเพะของเราด้วย “คามาโปะโกะ” สำหรับคนที่ยังไม่รู้จักคามาโบะโกะ คามาโบะโกะคืออาหารของญี่ปุ่นที่ทำจาก ซุปที่ได้จากปลา นำมาทำเป็นเค้กรูปปลา หลังจากนั้นก็นึ่งจนเนื้อคล้ายเยลลี่ สำหรับคนที่ชอบทานปลานั้นมันมีรสชาติที่อร่อยมาก ถึงจะหลักเลี่ยงกลิ่นไม่ได้ก็ตาม ที่ร้านแห่งนี้มีแยมที่ทำจาก นาม่าโบะโกะชนิดต่าง ๆ สูตรดั้งเดิมนั้นทำจากปลา นอกจากนั้นก้มีที่ทำมาจากไผ่ หรือเต้าหู้อีกด้วย เราเลือกที่มาที่ร้านแห่งนี้เพราะคุณสามารถย่างยามาโบะโกะได้ด้วยตัวเอง และมีราคาที่ถูกมาก ทั้งยังเป้นประสบการณ์ที่สนุกสนานสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการทำอาหารอีกด้วย หลังจากที่จ่ายค่ายามาโบะโกะแล้ว คุณจะได้รับยามาโบะโกะ “สด” มาแล้วพนักงานก็จะพาคุณไปยังที่ย่าง พูดตรง ๆ พวกเราก็ไม่ได้ย่างเก่งอะไรเท่าไร เพราะฉะนั้นยามาโบะโกะของพวกเราหลายคนนั้นก็ไหม้ไปเล็กน้อย ถึงจะไหม้แตก็ยังอร่อยนะ! บางทีคราวหน้าเราคงจะย่างได้ดีกว่านี้ ถ้าคุณเดินทางมายังมัตสึชิม่า หรือเดินไปทางยังพื้นที่ที่ติดชายทะเล อย่าลืมมองหาร้านที่ขายยามาโบะโกะกันล่ะ ร้านส่วนใหญ่จะให้โอกาสคุณย่างด้วยตัวเอง ถึงจะเป้นระยะเวลาสั้น ๆ แต่ก็เป็นอะไรที่สนุกมาก Matsukama-Souhonten

ในเดือนกันยายน 2559 วงการบาสเก็ตบอลมืออาชีพของญี่ปุ่นนั้นถึงกับสั่นสะท้านเพราะการรวมตัวกันของ NBL กับ bj ลีค เป็น B.LEAGUE นี่ทำให้บางทีมได้เลื่อนขึ้นไปยังลีคมืออาชีพลีคใหม่ตามสไตล์บาสเก็ตบอลของอเมริกา เพราะสำนักงานของโทโฮคุ365 นั้นตั้งอยู่ในเมืองเซ็นได พวกเราจึงตัดสินใจส่งหนึ่งในนักเขียนของเราไปเยี่ยมชมทีมบาสเก็ตบอลมืออาชีพของเซ็นได “ เซ็นได 89er’s ทีมนี้ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2532 (เป็นที่มาของชื่อทีม) และอยู่มาตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้และได้กลายาเป็นหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดในดิวิชั่นตะวันออกของญี่ปุ่น(บีเจ ลีค)ในช่วงไม่นานมานี้ ถึงแม้ทีมนักกีฬาจะเดินทางไปแข่งที่จังหวัดอื่นแต่ก็มีหลายแมทซ์ที่จัดขึ้นที่เซ็นไดสเตเดี้ยม หากคุณมีความสนใจในกีฬาบาสเก็ตบอลหรือต้องการเปลี่ยนบรรยากาศโดยมาดูบาสเก็ตบอลแล้วล่ะก็ ทำไมไม่ลองมาดูพวกเขาเล่นกันล่ะ 89er’s website (Japanese)

มัตสึชิม่าเป็นที่รู้จักว่าเป็นหนึ่งในสามสถานที่ที่ห้ามพลาดของญี่ปุ่น ทั้งยังมีกิจกรรมเช่น พิธีชงชา ศาลเจ้า เทศกาลหอย นั่งเรือท่องเที่ยว และอื่น ๆ อีกมากมายให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัส ครั้งนี้พวกเราตัดสินใจที่จะไปลองจับปูซึ่งเป็นหนึ่งกิจกรรมในแพ็คเกจทัวร์ เดินทางไปยังสถานที่จับปู การเดินทางใช้เวลาทั้งหมด 1 ชั่วโมงจากสถานีเซ็นไดไปยังสถานีโทนะ ซึ่งหลังจากเราลงจากรถไฟแล้วก็ได้โดยสารรถแท็กซี่ไปยัง สำนักงาน “สึคิฮะนะ” นั่งเรือ สำหรับพวกเราที่เน้นความปลอดภัยมาเป้นอันดับหนึ่ง พวกเราขอแนะนำให้คุณใส่เสื้อชูชีพที่ได้รับจากพนักงานขณะนั่งเรือ จับปู! ถึงแม้คุณจะไม่ได้วางกับดักที่ใช้สำหรับจับปูด้วยตัวเอง (ต้องทิ้งไว้หนึ่งวัน) แต่หากคุณจองล่วงหน้าคุณจะมีโอกาสได้เก็บกับดักที่วางไว้ล่วงหน้าซึ่งปกติแล้วจะเต็มไปด้วยปูถึงแม้จะดูไม่ค่อยเหนอะหนะแต่ก็เป็นอะไรที่ตื่นเต้นมากกับการที่ได้ลากเอามื้อเย็นของคุณออกมาจากใต้น้ำ อาหารหลังจากเสร็จงาน แม้จะไม่ใช่อาหารระดับ 5 ดาว แต่ปูต้มที่พวกเราต้มหลังจากจับปูมาได้นั้นก็คุ้มค่ากับการตรากตรำทำงานในวันนี้ นอกจากนี้ปูสด ๆ ที่พึ่งจับมาได้จากทะเลก็เป็นอาหารที่หาทานได้ยากสำหรับคนที่ใช้ชีวิตในเมืองอย่างเรา ๆ สรุป สึคิฮะมะเป็นสถานที่ที่สวยมากอีกแห่งหนึ่งและยังมีกิจกรรมหลายอย่างให้นักท่องเที่ยวสายธรรมชาติได้ทำกันอีกด้วย ในกรณีของพวกเราทริปจับปุในครั้งนี้มีค่าใช้จ่าย 2000 เยนถ้วน (19.07 ดอลล่า) ซึ่งพวกเราก็คิดว่ามันคุ้มค่ากับค่าใช้จ่ายเป็นอย่างมาก Fishing tour site (Japanese)

ถ้าเป็นอาหารกลางวันท่าสถานีเซ็นไดแล้วล่ะก็ต้องเป็น “อุนริวเท่านั้น รอบ ๆ สถานีเซ็นไดนั้นต่างรายล้อมไปด้วยตึกสำนักงาน ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าเมื่อถึงเวลาพักกลางวันแล้วนั้น บริเวณนี้จะเต็มไปด้วยผู้คน “อุนริว” ก็เช่นกัน ร้านอาหารแห่งนี้สามารถชิงตำแหน่งร้านอาหารจีนในดวงใจจากผู้คนในละแวกนี้ พวกเราจึงตัดสินใจไปลองชิมด้วยตัวเอง เดินห้านาทีจากสถานีเซ็นได ร้านอาหารแห่งนี้นั้นค่อนข้างใหญ่ สามารถรองรับลูกค้าได้ถึง 72 คน รวมถึงบริเวณที่ให้ยืนหน้าเคาเตอร์ ร้านแห่งนี้นั้นมักจะแน่นมาก ๆ ในช่วงเวลาเที่ยงวัน (ถึงแม้เวลาที่ลูกค้าใช้ทานอาหารนั้นจะไม่นานก็ตาม) หากคุณจะไปทานอาหารที่ร้านแห่งนี้แล้วล่ะก็เราขอแนะนำให้ไปเร็วสักหน่อย สั่งเสร็จแล้วก็นั่งอ่านการ์ตูนรอเพลิน ๆ อาหารในช่วงกลางวันนั้นมีราคาอยู่ ราว ๆ 700 เย็น เท่านั้น แน่นอนคุณสามารถสั่งนอกเหนือจากเมนูกลางวันได้ด้วย พวกเราตัดสินใจไม่ถูกกันเลยทีเดียวว่าจะกินอะไรดีเมื่อเจอกับอาหารที่น่าอร่อยหลากหลายอย่างของทางร้าน แต่พวกเราก็ตัดสินใจเลือกที่จะสั่ง มาโปโด หลังจากสั่งอาหารเรียบร้อยแล้วพวกเราก็นั่งอ่านการ์ตูนรอ ซึ่งการ์ตูนของทางร้านนั้นก็มีให้เลือกมากมายหลายเรื่อง เหตุผลที่ทำให้อุนริวโด่งดัง อาหารมาถึงหลังจากสั่งไปได้เพียงห้านาทีเท่านั้น แล้วปริมาณก็ใหญ่มากจนน่าตกใจ พวกเราต้องขอบอกเลยว่า กินอาหารโดยไม่ปรุงอะไรเลยนั้นก็อร่อย แต่การเพิ่มซอสของทางร้านทำให้อร่อยมากยิ่งขึ้นไปอีก สรุป อุนริวนั้นเสิร์ฟอาหารจีนที่เต็มไปด้วยคุณภาพในราคาที่เหมาะสม ปริมาณก็ค่อนข้างมากแถมยังสะดวกเนื่องจากอยู่ใกล้สถานีเซ็นไดมาก ๆ ในหน้าร้อนคุณสามารถเลือกทานบะหมี่เย็นของทางร้าน ขณะในหน้าหนาวก็สามารถสั่งซาลาเปาหมูอุ่น ๆ ได้ หากคุณเป็นสายกินเหมือนพวกเราแล้วล่ะก็ อย่าลืมเพิ่มร้านนี้เข้าไปยังร้านที่ต้องไปเมื่อมายังเซ็นไดล่ะ

ถึงแม้พวกเราจะชอบรสชาติกลมกล่อมของอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม แต่บางครั้งพวกเราก็อยากลองรสชาติแปลกใหม่ที่น่าสนใจเหมือนกัน และพวกเราก็ได้ยินเกี่ยกับราเม็งที่เผ็ดที่สุดในเซ็นได พวกเราจึงตัดสินใจที่จะไปลองชิมดู “ฮิเมะราเม็ง” ตั้งอยู่บริเวณโคะคุบุนโจ ปกติแล้วมิโซะราเม็ง หรือ ราเม็งที่ใช้ซุปถั่วเหลืองนั้นจะเป็นที่คนทั่วไปนึกถึงกันเป็นอันดับแรกเมื่อพูดถึงราเม็ง แต่ว่าราเม็งในคราวนี้นั้นจะแปลกออกไปนิดหน่อย พบกับ “ฮิเมะจิโกคุราเม็ง” ในภาษาญี่ปุ่น “จิโกคุ” หมายถึง “นรก” สีของน้ำซุปก็เข้ากับคำอธิบายเสียด้วยสิ! นักเขียนชาวญี่ปุ่นของเราถึงกับพูดว่ามันเผ็ดมากเสียจนหัวของเขาเกือบลุกเป็นไฟ แต่ละคนก็กินเผ็ดได้ไม่เท่ากันเลยไม่รู้ว่ามันจะเผ็ดไปไหมสำหรับคนไทย อาจจะไม่เลยก็ได้ ถ้าคุณชอบอาหารเผ็ดแล้วต้องการจะลองราเม็งสีแดงจัดจ้าน เต็มไปด้วยพริกที่ออกมาจากนรกชามนี้แล้วล่ะก็เดินทางไปยังฮิเมะราเม็งแล้วลองชิมมันด้วยตัวเองได้เลย แล้วกลับมาบอกกันด้วยล่ะว่าคุณคิดว่ามันผ็ดหรือเปล่า เมนู (เดือน ตุลาคม 2016) เนกิมิโซะราเม็ง 950 เยน นัตโตะมิโซะราเม็ง 900 เยน มิโซะชาชูราเม็ง 1100 เยน เนกิมิโซะชาชู 1300 เยน มิโซะบัตเตอร์คอร์นราเม็ง 900 เยน ฮิเมะจิโกคุราเม็ง 1000 เยน โชววี่ 650 เยน ชาชูราเม็ง 1000 เยน เนกิราเม็ง 950 เยน ทงคตสึราเม็ง…

ทุก ๆ ปีในฤดูใบไม้ร่วง เมืองที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุ “เซ็นได” จะถูกเปลี่ยนให้เป็นเวทีการแสดง ของเทศกาลแจ๊สบนถนนโจเซนจิ เทศกาลนี้ได้ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งคนญี่ปุ่นและคนต่างชาติให้มาเยี่ยมชมการแสดงของเหล่านักดนตรีประจำท้องถิ่นจนไปถึงวงดังระดับประเทศ ถึงแม้จะชื่อว่าเทศกาลแจ๊สแต่ดนตรีที่นำมาแสดงนั้นมีความหลากหลายตั้งแต่ ร็อคไปถึง แจ๊ส 1. ทั้งเมืองถูกเปลี่ยนให้เป็นเวทีแสดงดนตรี เสน่ห์ของงานเทศกาลนี้ก็คือ การที่เมืองถูกเปลี่ยนไปเป็นเวทีแสดง ในปีที่ผ่านมา (2016) มีเวทีมากกว่า 40 จุด จัดแสดงขึ้นพร้อมกัน 2.มีนักดนตรีเข้าร่วมมากกว่า 715 คน ทุก ๆ ปี มีวงมากกว่า 600 วงเข้าร่วมแสดงในงานเทศกาลนี้ และประเภทของดนตรีนั้นก็มีความหลากหลาย ผู้ชชมไม่ต้องกังวลว่าดนตรีที่นำมาแสดงนั้นจะไม่เข้ากับรสนิยมของตน ไม่ว่ายังไงคุณก็สามารถหาดนตรีที่ถูกใจคุณ ฟังได้อย่างแน่นอน การแสดงมักจะแสดงจนถึงสองทุ่ม 3. สรุป เทศกาลแจ๊สบนถนนโจเซนจิ เปลี่ยนเมืองเซนไดกลายเป็นสวรรค์สำหรับเสียงเพลง เป็นเวลาทั้งหมดสองวัน ในเดือนกันยายน ทั้งนี้การเข้าชมไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น หากชื่นชอบในเสียงเพลงแล้วล่ะก็ลองมาดูเมืองแห่งดนตรี นี้กันเถอะ